รัฐช่วยลดค่าใช้จ่ายคนซื้อบ้าน...อย่ามองข้ามเงินที่ประหยัดได้
มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐช่วยเหลือคนซื้อบ้าน
ประการที่ 1 การลดหย่อนค่าจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01%
มาตรการลดหย่อนนี้ให้ประโยชน์แก่คนซื้อบ้านมากที่สุด เพราะช่วยให้ประหยัดเงินได้ถึง
1.99% เอาตัวเลขนี้ไปคูณราคาบ้านที่ซื้อที่โอนกรรมสิทธิ์ ก็จะเห็นเม็ดเงินเนื้อ ๆ ที่ผู้ซื้อ
บ้านได้ประโยชน์
ตัวอย่าง ถ้าซื้อบ้านราคา 2.5 ล้านบาท จะประหยัดเงินถึง
49,750 บาท หรือได้เครื่องปรับอากาศอย่างดี 1 เครื่อง
คิดเองได้เลยครับว่าประหยัดได้เท่าไร จะได้เพิ่มอารมณ์
เสียดายหรือโหยหา เพราะมาตรการนี้จะสิ้นสุดลงวันที่
31 ธันวาคม 2544 แล้ว หากรัฐบาลไม่ต่ออายุออกไป
ประการที่ 2 การลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะที่เรียกเก็บจากการขายอสังหาริม
ทรัพย์ เหลือ 0.11% (จากอัตราปกติ 3.3% รวมภาษีบำรุงท้องที่แล้ว) ให้ผู้
ขายลดค่าใช้จ่ายลงจากเดิม 3.19%
นับเป็นมาตรการที่ลดค่าใช้จ่ายของคนขาย ซึ่งจะส่งผลดีทางอ้อมให้กับผู้ซื้อบ้าน เพราะจะ
ทำให้ราคาขายที่อยู่อาศัยยังไม่ปรับราคาเพิ่มขึ้น ส่วนที่ว่าผู้ซื้อจะสามารถ "ชี้" นิ้วสั่งผู้ขาย
ให้ลดราคาได้หรือไม่ กลไกตลาดจะอำนวยในเรื่องนี้หรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่ที่อำนาจการต่อรอง
ระหว่างคนซื้อคนขาย ซึ่งก็แน่นอนว่า คนชี้นิ้วสั่งได้มักจะมีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่าเป็น
ธรรมดา และ มาตรการนี้ก็จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2544 นี้เช่นกัน
ประการที่3 สามารถนำดอกเบี้ยผ่อนบ้านมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 50,000 บาท
มาตรการนี้ก็ยาวนานจนกว่าจะผ่อนบ้านหมด หรือประกาศยกเลิ เงื่อนไขมีอยู่ว่าต้องเป็นบ้าน
ที่กำลังผ่อนอยู่ และมีชื่ออยู่ในทะเบียนอยู่ในบ้านดังกล่าว การนำดอกเบี้ยผ่อนบ้านมาหักลด
หย่อนภาษีนี้เดิมทีได้เพียง 10,000 บาท เท่ากับได้เพิ่มอีก 40,000 บาท เมื่อคิดในอัตรา
ภาษีขั้นที่ 1 เสียอัตรา 5% เท่ากับช่วยประหยัดได้ 2,000 บาทต่อปี ไปจนกว่าจะผ่อนบ้าน
หมด ซึ่งจะลดลงตามสัดส่วนดอกเบี้ยที่เสียน้อยลงเรื่อย ๆ ในการผ่อนปีหลังๆ
ประการที่4 ซื้อสดหรือจ่ายหมดหักค่าใช้จ่ายก่อนเสียภาษีได้ 200,000 บาท
ปีละครึ่งหนึ่งรวม 2 ปี
สำหรับท่านที่นิยมซื้อเงินสดโอนกันเลย "หลวงท่าน" ก็มีมาตร
การช่วยเหลือ โดยให้นำเงินที่ซื้อบ้านนี้ไม่เกิน 200,000 บาท
ไปหักค่าใช้จ่ายก่อนเสียภาษีได้ โดยแบ่งเป็น 2 ปี ๆ ละ 100,000 บาท เมื่อคิดว่าเสียภาษีที่ 5% เท่ากับประหยัดเงิน
ได้ปีละ 5,000 บาท จำนวนนี้ เป็นเม็ดเงินที่ภาครัฐช่วยเหลือ
รวม 2 ปีก็ 10,000 บาท
ประการที่5 ซื้อผ่อนดาวน์หักค่าใช้จ่ายก่อนเสียภาษีได้ 100,000 บาทในปี
ภาษีที่มีการโอนกรรมสิทธิ์
การซื้อแบบผ่อนดาวน์นี้ ได้รับสิทธิหักค่าใช่จ่ายก่อนเสียภาษีเท่าจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เมื่อในอัตราเสียภาษีขั้นแรก 5% จะลดค่าใช้จ่ายได้ 5,000 บาท
มาตรการทางภาษีอันเป็นการช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านข้อที่ 4 และข้อที่ 5 นี้ จะมีผลทาง
การปฏิบัติประมาณเดือนสิงหาคม 2544 เพราะต้องรอกรมสรรพากรออกประกาศก่อน
มาดูตัวอย่างกันอีกครั้งให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
ถ้าซื้อบ้าน 2.5 ล้านบาทแบบจ่ายสดไม่ผ่อนดาวน์ (ปกติแล้วการซื้อบ้านจัดสรรราคาซื้อขายกับ
ราคาประเมินที่ใช้คำนวณการเก็บค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์จะใกล้เคียงกันอยู่แล้ว)
ได้หักค่าจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ 49,750 บาท (2,500,000 x 1.99%)
ได้หักค่าใช้จ่ายคิดเป็นประโยชน์ที่จะได้ 10,000 บาท (ค่าลดหย่อน 200,000 บาท)
รวมเท่ากับ 59,750 บาท
หรือหากซื้อแบบกู้แบงต์ ประโยชน์ที่จะได้รับระยะยาวจากการนำดอกเบี้ยผ่อนแบงก์เมื่อกู้สิน
เชื่อที่อยู่อาศัย ก็แล้วแต่ว่ากู้เท่าไร ผ่อนอย่างไร คิดว่าสูงสุดปีละ 2,500 บาท (คิดจากจำนวน
เต็ม 50,000 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2,000 บาท เมื่อคิดว่าแต่เดิมหักค่าใช้จ่ายก่อนเสียภาษีได้
10,000 บาท) เงินครึ่งแสนคงไม่มีใครบอกว่าน้อย เมื่อซื้อบ้านราคา 2.5 ล้านบาทแล้วประ
หยัดเงินได้เท่านี้ ถ้าซื้อมากหรือน้อยกว่านี้จะคิดอย่างไร?
ส่วนการประหยัดอื่น ๆ นั้นค่อนข้างคงที่คือ จ่ายรวดเดียวประหยัด 1 หมื่นบาท ซื้อผ่อนดาวน์
ประหยัด 5 พันบาท ประหยัดจากดอกเบี้ยผ่อนสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับแบงก์ปีละ 2,500 บาท
เงินที่ประหยัดได้นั้น ควรคิดว่ามากเสมอ เพราะไม่ต้องเหนื่อยยากไปหามาเพิ่มเติมครับ
17/7/2002
DIY&LIFE STYLE