หลายคนอาจรับรู้ว่า ท่านพุทธทาส อินทปัญโญ พระนักปราชญ์สำคัญของไทยและสากลท่านนี้ เป็น "นักจดหมายเหตุ" ที่ทิ้งมรดกธรรมเอาไว้ให้ชนชาวพุทธมากมาย
แต่คงไม่มีใครรู้ว่า จำนวนมรดกธรรมที่ท่านพุทธทาสทิ้งไว้ มีมากถึง 27,347 รายการ !
นี่เป็นตัวเลขการรวบรวมของชาวสวนโมกขพลาราม ซึ่งกำลังจะถูกนำมาบรรจุไว้ในหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เพื่อเผยแพร่ผลงานของท่านพุทธทาสให้แพร่หลายและให้คนเข้าถึงได้มากที่สุด
เป็นหอจดหมายเหตุที่อยู่ใกล้ เพียงแค่อึดใจ ณ สวนวชิรเบญจทัศ หรือสวนรถไฟ สถานที่ตั้งอันจะกลายเป็น "สวนโมกข์กลางกรุง" นับจากนี้ !!!
พุทธทาสยั่งยืน
คุณค่าของมรดกธรรมที่ท่านพุทธทาสได้ทิ้งไว้มากมายนี้ บรรดาศิษยานุศิษย์ทุกคนต่างก็เห็นถึงคุณค่าที่จะทำให้อยู่ยั่งยืนที่สุด
นายแพทย์เกษม วัฒนชัย ประธานคณะกรรมการจัดตั้งหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เล่าให้ฟังว่า "เราคุยกันหลายรอบว่าจะทำอย่างไรให้อาจารย์พุทธทาสอยู่ยั่งยืน และเป็นประโยชน์ที่สุด การที่เราคิดทำหอจดหมายเหตุขึ้นก็เพราะท่านบันทึกอะไรไว้เป็นลายลักษณ์อักษรมากมาย เราเองก็อยากจะให้สิ่งเหล่านั้นสมบูรณ์และเกิดการศึกษาอย่างเป็นระบบ เมื่อศึกษาแล้วจะเอาไปปฏิบัติ เปรียบเทียบ หรือตีความให้เกิดความเข้าใจก็สุดแล้วแต่ เปรียบไปก็เหมือนอาหารใส่จาน จะมาลองชิม หรือเอาไปปรุงที่บ้านก็ตามสบาย"
...เราต้องยอมรับว่า ปราชญ์ทางศาสนาที่มีอิทธิพลในวิธีคิดของชาวพุทธเราท่านหนึ่งก็คือ ท่านพุทธทาส อินทปัญโญ ผลงานของท่านเป็นประโยชน์มาก แม้พวกเราจะจากโลกนี้ไป ผมเชื่อว่าผลงานเหล่านี้ก็ยังคงสมบูรณ์
การที่ทางศิษยานุศิษย์เลือกทำเป็นหอจดหมายเหตุ ก็เพราะการทำแหล่งรวบรวมประเภทนี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์ การจัดหมวดหมู่ผลงานที่สามารถดึงมาใช้ได้เป็นยุคสมัย เรียกว่าเป็นลักษณะการเก็บข้อมูลที่มีคุณค่ามาก เพราะไม่ใช่การรวบรวมเหมือนกับห้องสมุด หรือพิพิธภัณฑ์
"คณะทำงานได้ไปเสาะหาและรวบรวมผลงานของท่านแล้ว พบว่ามีเป็นหมื่นๆ ชิ้น ทุกคนเห็นแล้วรู้สึกว่ายิ่งใหญ่และเป็นระเบียบมาก ซึ่งผมคิดว่าความเป็นระบบระเบียบตรงนี้มีค่า ถ้านำมารวบรวมจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ทำให้คนเอามาใช้ประโยชน์ได้"
กรรมการจัดตั้งหอจดหมายเหตุที่เป็นลูกศิษย์ท่านพุทธทาสอย่าง น.พ.บัญชา พงษ์พานิช บอกว่า "ผมนึกถึงเศษกระดาษใบหนึ่งของท่านพุทธทาสที่เขียนเอาไว้ว่า มรดกที่ท่านทิ้งไว้ไม่มีอะไร คือเศษกระดาษเหล่านี้แหละ หลังจากท่านสิ้น ท่าน อ.โพธิ์ (พระภาวนาโพธิคุณ : โพธิ์ จันทสาโร) ได้สั่งให้เก็บผลงานของท่านเอาไว้ให้หมด แยกแยะเป็นหมวดหมู่ ซึ่งรวมแล้วมีอยู่ 27,347 รายการ ทั้งหนังสือ เทป บางรายการท่านจดไว้ในเศษกระดาษ เพราะท่านพุทธทาสบอกไว้ว่า มีความคิดต้องรีบจดทันที"
ยกสวนโมกข์มาไว้กลางกรุง
รายการมรดกธรรมของท่านพุทธทาส ประกอบด้วย 1.บันทึกนึกได้เอง ที่ท่านให้ความสำคัญมากกับความคิดที่เกิดในภาวะจิตนิ่ง 2.หนังสือต้นฉบับ หนังสือค้นคว้า อาทิ ชุดคู่มือมนุษย์ ตามรอยพระอรหันต์ ซึ่งสมัยนั้นว่ากันว่า มีอดีตนายกรัฐมนตรี สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นผู้ช่วยตรวจทานต้นฉบับให้ท่านด้วย 3.จดหมาย ที่พบว่าท่านพุทธทาสเก็บจดหมายเอาไว้ทุกฉบับ และเวลาตอบจดหมายก็จะใช้กระดาษก๊อบปี้เก็บสำเนาเอาไว้
อีกชุดก็คือ ชุดเสียง ที่หลังจากท่านเลิกเขียน ท่านก็บันทึกสิ่งต่างๆ ผ่านเสียงท่านเอาไว้
"ก่อนบรรยายทุกครั้ง ท่านจะเทกโน้ตเป็นบัตรแข็ง บางทีใช้กระดาษทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือ หลายคนอาจรู้สึกว่า งานของท่านได้รับการผลิตเป็นภาษาไทยเยอะมาก แต่พอผมไปดูแล้วพบว่า ท่านพุทธทาสเป็นนักเขียนไทยที่ผลงานได้ถูกแปลเป็นภาษาต่างชาติมากที่สุด ท่านจึงเป็น นักจดหมายเหตุ โดยแท้" น.พ.บัญชากล่าว
สิ่งที่ทางศิษยานุศิษย์ผู้รวบรวมมรดกธรรมพบว่า เป็นปัญหาใหญ่ของการรวบรวมก็คือ ความชื้นที่สวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีอยู่มาก และสถานที่เริ่มคับแคบ ประกอบกับทางวัดเองก็ถนัดในเรื่องปฏิบัติธรรมมากกว่า จึงมีการลงมติว่าควรย้ายมรดกธรรมเหล่านี้ขึ้นมาไว้ที่กรุงเทพฯ
น.พ.บัญชากล่าวว่า "แม้ว่าที่สวนโมกข์จะมีการปรัปรุงในเรื่องความชื้นด้วยการนำเครื่องกำจัดความชื้นไปไว้แล้ว แต่เราก็ต้องการนำผลงานของท่านเผยแพร่ให้ได้มากที่สุด ถ้านำหอจดหมายเหตุไปตั้งที่ไชยา โอกาสก็มี แต่ว่าคงน้อย จึงอยากย้ายมารวบรวมไว้ให้สมบูรณ์ที่กรุงเทพฯ ผมว่า คนเราทุกวันนี้มีปัญหาในเรื่องความเครียด การมีสถานที่อบรมภาวนาให้ฝึกปฏิบัติจริงได้ง่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหอจดหมายเหตุแห่งนี้จะเป็นเหมือน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ทางจิตใจแห่งใหม่ให้กับคนรุ่นใหม่และเยาวชน"
ว่ากันว่า การจัดสร้างหอจดหมายเหตุนี้ ใช้พื้นที่ 2-3 ไร่ ภายในสวนรถไฟในการดำเนินการ มีสระน้ำใหญ่ มีต้นไม้ร่มรื่น มีอาคารสูง 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 4,000 ตารางเมตร เป็นไปตามมาตรฐานสากล คือมีห้องบริการค้นคว้า ห้องจัดนิทรรศการ ห้องจำหน่ายแจกหนังสือและสื่อธรรม ห้องเสวนา ห้องสำนักงาน ห้องเทคนิคจดหมายเหตุ ห้องเก็บจดหมายเหตุ ห้องส่วนงานฐานข้อมูลดิจิทัล จะมีการอบรมปฏิบัติธรรม เสวนาธรรม และกิจกรรมอื่นๆ รวมทั้งโรงมหรสพทางวิญญาณด้วย
หากแล้วเสร็จ ที่นี่จะได้จะชื่อว่าเป็นหอจดหมายเหตุดิจิทัลสมบูรณ์แบบแห่งแรกของประเทศไทย ที่จะออนไลน์ไปถึงทุกที่ (www.buddhadasa-archives.com, www.buddhadasa-archives.org, www.bia.or.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์แนววาไรตี้ จัดทำแบบธรรมะบันเทิง มีทั้งเกม เอสเอ็มเอสโดนใจ ไดอารี่แห่งความดี ฯลฯ)
นอกจากนี้ยังได้ชื่อว่าเป็น หอจดหมายเหตุศาสนธรรม (Religious Archives) ที่จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงหัวใจของศาสนา ตามปณิธาน 3 ประการของท่านพุทธทาสภิกขุ คือ 1.การเข้าถึงหัวใจของศาสนาของตน 2.การทำความเข้าใจระหว่างศาสนา 3.ออกมาเสียจากอำนาจวัตถุนิยม
มุมแห่งความสงบงาม
ระยะเวลาในการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2552 ซึ่งเป็นวาระชาตกาล 103 ปีของท่านพุทธทาสภิกขุ และเป็นวันครบ 75 ปีของสวนโมกขพลารามพอดี โดยวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ จะมีการจัดกิจกรรมธรรมสมโภชในสวนรถไฟ
น.พ.บัญชากล่าวว่า "เจตนาที่สำคัญอีกอย่างคือ การน้อมเกล้าฯถวายหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ที่นี่จึงนับเป็นสวนโมกข์กลางกรุง"
...และที่นี่จะเป็นมากกว่าพิพิธภัณฑ์ เป็นมากกว่าห้องสมุด
เป็นหอจดหมายเหตุที่ไร้พรมแดน !
ประชาชาติธุรกิจ
28/5/2007
DIY&LIFE STYLE