Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
SCGเคมิคอลส์ปรับโมเดลธุรกิจแสนล้าน มุ่งนวัตกรรม"เวิลด์คลาส"บุกตลาดโลก |
|
"เอสซีจี เคมิคอลส์" ปรับโมเดลธุรกิจแสนล้าน รับยุคขาขึ้น ทุ่มงบฯ 3,300 ล้าน ต่อยอดงานวิจัยเจาะตลาดโลก ชูกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าสินค้าระดับเวิลด์คลาส ผนึกคู่ค้าสร้างนวัตกรรมเชิงลึก เตรียมจดสิทธิบัตร 140 ฉบับ ยกระดับอุตสาหกรรมไทย
นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ เปิดเผยว่า เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ เอสซีจี เคมิคอลส์ จำเป็นต้องปรับโมเดลธุรกิจให้สอดคล้อง โดยเน้นนำเสนอรูปแบบโซลูชั่นครบวงจรที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างความแตกต่างด้านสินค้าและบริการ
"ความแตกต่างสำคัญมาก เพราะการขายของโหลหรือของที่ใคร ๆ ผลิตได้ ธรรมดาไปแล้วในตลาดโลก เราต้องสร้างความเป็นโอนลี่ (only) คือมีที่เราที่เดียว"
เช่นก่อนหน้านี้ เอสซีจี เคมิคอลส์ ร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ร่วมพัฒนาคิดค้นนวัตกรรม "หุ่นยนต์" ตรวจสภาพโครงสร้างสิ่งปลูกสร้าง และการออกแบบ "กำแพงกันเสียง" บนสะพานด้วยพลาสติกน้ำหนักเบา รวมถึง "ตู้เก็บค่าผ่านทาง" ออกแบบตามหลักสรีรวิทยาซึ่งเป็นโซลูชั่นรูปแบบใหม่ที่เริ่มมาจากการวิเคราะห์และแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ตรงจุด
ทุ่มR&D รับปิโตรฯขาขึ้น
โมเดลใหม่ของเอสซีจี เคมิคอลส์ จะมุ่งเรื่องนวัตกรรม การสร้างกระบวนการผลิตใหม่ ๆ และการสร้างวัตถุดิบใหม่ เป้าหมายเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้า หรือที่เรียกว่า HVA (High Value Added Products and Services) ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเอง และกำหนดกลยุทธ์บริหารจัดการงานวิจัยให้ชัดเจนแบบมีเป้าหมาย
"เราต้องการยกระดับสู่ตลาดเวิลด์คลาส แบบขายรถเบนซ์แทน" นายชลณัฐกล่าวเปรียบเทียบ
พร้อมย้ำถึงความร่วมมือกับคู่ค้าว่า ต้องเร่งสร้างนวัตกรรมเชิงลึก ทั้งรูปแบบการใช้งานได้จริง มีดีไซน์ที่ทันสมัย และดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วยเป็นหลัก
ทำให้ปี 2559 เอสซีจี เคมิคอลส์ ได้ตั้งงบฯวิจัยและพัฒนาไว้มากถึง 3,300 ล้านบาท คิดเป็น 54% ของงบฯวิจัยทั้งหมดของเอสซีจี ถือว่ามากที่สุดของกลุ่มบริษัทในเครือ
ครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 1,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6% ของยอดขายรวม และมีสัดส่วนสินค้า HVA คิดเป็น 31% คาดว่าภายในปีนี้จะยื่นคำขอรับสิทธิบัตรจำนวนมากกว่า 140 ฉบับ ซึ่งเป็นการจดสิทธิบัตรทั้งในและต่างประเทศ
จากรายงานข่าวระบุผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีนี้ เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 48,138 ล้านบาท มีกำไรสำหรับงวด 11,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 74 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากไตรมาสก่อน
โดย 9 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้จากการขาย 145,477 ล้านบาท แม้ลดลงร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง แต่มีกำไร 32,122 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 เนื่องจากผลดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมดีขึ้น ต้นทุนราคาวัตถุดิบลดลง
ส่งผลให้ "เอสซีจี" ในภาพรวมมีกำไรหลักจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ จากการแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2559 ที่ผ่านมา
สร้างคนที่แตกต่าง
นายชลณัฐกล่าวอีกว่า การสร้างสรรค์นวัตกรรมนั้น จำเป็นต้องอาศัยบุคลากร เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านงานวิจัยและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับนักวิจัยและสถาบันชั้นนำระดับโลกจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ปัจจุบัน เอสซีจี เคมิคอลส์ มีทีมวิจัย 500 คน เป็นนักวิจัยระดับ Ph.D. 20% จากพนักงาน 5,000 คน และมีวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ พร้อมจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ASTEC (Advanced Science and Technology Center) เทียบเท่าระดับสากลด้วย
ด้วยการต่อยอดธุรกิจจากบริษัท Norner AS ประเทศนอร์เวย์ ที่ลงทุนซื้อไว้เมื่อปี 2557 รวมมูลค่า 340 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการวิจัยและพัฒนาพลาสติกระดับโลก โดย Norner ยังคงอิสระในการทำธุรกิจและสนับสนุนให้เอสซีจี เคมิคอลส์ ก้าวถึงฝั่งฝัน ในการผลิตสินค้า HVA
เช่นเดียวกับความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาบุคลากรจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และอีกหลายสถาบัน ทำให้เอสซีจี เคมิคอลส์ เป็นที่สั่งสมกลุ่มมืออาชีพทุกระดับ ทั้งคนไทยและต่างชาติ และพร้อมจะรุกเปิดตลาดใหม่ ๆ ไปด้วยกัน
ล่าสุดเอสซีจี เคมิคอลส์ได้แสดงศักยภาพผลงานวิจัยและสินค้า HVA ในงานนิทรรศการ K 2016 งานแสดงนวัตกรรมสินค้าพลาสติกและยางที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี
เซียร์ร่าพระเอกใหม่
จากแนวคิดพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ นายชลณัฐกล่าวว่า จำเป็นต้องเดินหน้าปิโตรเคมีขั้นปลาย (ดาวน์สตรีม) ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เพราะปิโตรเคมีขั้นต้น (อัพสตรีม) ไม่สามารถทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มสูงได้ จึงนำเอทิลีนไปทำดาวน์สตรีม คือต้องต่อยอดดาวน์สตรีม จากปกติจะนำไปผลิตเม็ดพลาสติกพีวีซีขายให้ลูกค้า แต่จะโฟกัสตลาดที่ลูกค้าไม่ทำ โดยมุ่งไปที่สินค้ามูลค่าสูง เพื่อสร้างความยั่งยืนในอนาคตและรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นประการสำคัญ
ส่วนกลุ่มธุรกิจเสริมที่เป็น "น็อนปิโตรเคมี" จะเป็นนวัตกรรม "ฟังก์ชั่นแมทีเรียล" ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สร้างรูปแบบใหม่ได้หลากหลาย เป็นนวัตกรรมสารพิเศษที่จะนำไปใช้ในสินค้า HVA โดยเฉพาะ "สารเซียร์ร่า-Cierra" ซึ่งเป็นสารต้านไฟ ช่วยหน่วงไฟไม่ให้ไหม้ลาม หรือไหม้ช้าลง
อีกทั้งเป็นสารที่ฆ่าเชื้อโรคได้ สามารถใช้ในชีวิตประจำวันและโรงพยาบาล นวัตกรรมเคสนี้เป็นผลงานที่ค้นพบโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและนอร์เนอร์มาต่อยอด นับเป็นผลงานชิ้นเอกที่เปรียบเสมือน "แก้วสารพัดนึก" เพราะช่วยพัฒนาและประยุกต์กับสินค้าใหม่ ๆ ในอนาคตได้
"ต่อไปเราจะเดินกลยุทธ์การตลาดแบบ Customer Insight ที่ก้าวพร้อมไปกับทิศทางเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่เชื่อมโยงถึงธุรกิจปิโตรเคมีในอนาคต"
เป็นการเปิดมุมมองความรู้และเสริมศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจเคมีภัณฑ์ให้ลูกค้าและผู้แทนจำหน่ายให้ปรับตัวปรับธุรกิจแบบเดิม ๆ เพื่อช่วยยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้สอดคล้องกับแนวทาง Thailand 4.0 และแผนงาน S-Curve ที่ภาครัฐให้การส่งเสริม |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-11-2559
|
|
|
|
|