|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| 4 ทศวรรษโฟร์พัฒนา ได้เวลาส่งไม้ต่อธุรกิจรับสร้างบ้าน |
|
สัมภาษณ์
หากพูดถึง "โฟร์พัฒนา" หนึ่งในบริษัทรับสร้างบ้าน น้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะคลุกคลีในสังเวียนนี้มาร่วม 35 ปี
ท่ามกลางการแข่งขัน เศรษฐกิจไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่ "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ปราโมทย์ ธีรกุล" กรรมการผู้จัดการบริษัทรุ่นเก๋าวัย 70 ปีที่อยู่คู่บริษัทมายาวนาน ล่าสุดเตรียมจะส่งไม้ต่อให้ลูกชาย "ปรีด์ ธีรกุล" ดีกรีเกียรตินิยมเหรียญทองสถาปัตย์ จุฬาฯ พ่วงปริญญาโทจากอังกฤษ สืบทอดกิจการต่ออย่างเต็มตัว
"โฟร์พัฒนาปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 35 หรือย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ 4 ถือเป็นการทำงานเท่ากับครึ่งชีวิตของผมเลย ตอนนี้ผมอายุ 70 ปีแล้ว หากเปรียบเทียบบริษัทกับช่วงชีวิตแล้ว ก็กำลังเป็นหนุ่มรุ่นใหญ่ที่มีความพร้อมในทุกด้าน"
โดยในเครือโฟร์พัฒนากรุ๊ปมีทั้งหมด 5 บริษัท จนกลายเป็นบริษัทรับสร้างบ้านครบวงจร ทั้งออกแบบ ก่อสร้างและตกแต่ง เริ่มจาก บจ.โฟร์พัฒนา เป็นบริษัทแม่ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมา เน้นรับสร้างบ้านโดยไม่ใช่ผู้รับเหมาช่วง ระดับราคา 7-30 ล้านบาท ต่อมา บจ.โฟร์ดีเวลลอป เฮ้าส์ สร้างบ้านระดับ 3-7 ล้านบาท มี 2 ระบบ คือ โครงสร้างเทหล่อในที่และกึ่งสำเร็จรูป จากนั้นไม่นานเราก็ตั้ง บจ.โฟร์เอ็กตร้า บิวท์ สร้างบ้านระดับ 5-20 ล้านบาท และยังรับสร้างอาคาร อพาร์ตเมนต์ สำนักงาน ในรูปแบบเทิร์นคีย์ รวมถึงรับต่อเติม ปรับปรุง ระดับ 5 แสนบาทขึ้นไป
ถัดมา บจ.โฟร์พัฒนา พรีเมี่ยม เน้นสร้างบ้านระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถดีไซน์แบบบ้านเฉพาะของตนเองได้ และสุดท้าย บจ.โฟร์พัฒนา อินทีเรีย ซึ่งเกี่ยวกับสินค้าเฟอร์นิเจอร์ บริการตกแต่งภายในและออกแบบให้ โดย FIS Furniture ที่สามารถสั่งทำได้ และยกไปติดตั้งทันที
"จะเห็นได้ว่าเรามีบริษัทที่ค่อนข้างครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ทุกระดับราคาบ้าน หากลูกค้าต้องการแบบไหน เรามีความพร้อมมาก ซึ่งผมจะเป็นเอ็มดีที่โฟร์พัฒนา ส่วนอื่นจะเป็นเอ็มดีลูกหม้อของบริษัทที่มีคุณภาพดูแลอยู่"
ส่วนหุ้นส่วนในบริษัทจากเดิมก่อตั้งมี 4 คน ขณะนี้เหลือผมคนเดียว แต่มีการให้พนักงานในบริษัทเข้ามาถือหุ้นด้วยผมถืออยู่ 60% ส่วนอีก 40% เป็นของพนักงาน โดยจะแบ่งให้ตามอายุงาน เช่น ทำงาน 5 ปี จะได้ 50 หุ้น 10 ปีได้ 100 หุ้น จะมีการเปิดขายสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มเติม การทำแบบนี้ทำให้พนักงานมีรายได้จากปันผลเพิ่มเติมด้วย
ขณะเดียวกันตอนนี้ผมก็อายุมากแล้ว ก็เริ่มให้ลูกชายเข้ามาเรียนรู้งาน เพื่อสานต่อกิจการ ซึ่งเขาทำแล้วชอบผมก็ยินดี ทั้งนี้ต้องให้เขาเรียนรู้งานกับพี่ ๆ ในบริษัท ทำงานร่วมกันเป็นทีม และบอกเขาว่างานนี้เหนื่อย เพราะความคาดหวังของผู้บริโภคสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริโภคทุกวันนี้มีการศึกษา แล้วก็มีไลฟ์สไตล์ที่ยอมใช้เงินเพื่อให้บ้านของตัวเองดูดี
งานหลัก ๆ คือเป็นผู้ช่วยมากกว่า เพราะผู้จัดการมีพร้อมหมด เหมือนกับการเทรนนิ่งให้ ดูทุกส่วนงานทั้งบัญชี รูปแบบการดำเนินงาน โดยอีเวนต์ของบริษัทที่เพิ่งผ่านมาก็ให้เขาช่วยคิดในเรื่องคอนเซ็ปต์ต่าง ๆ ออกมา เป็นการฝึกให้เริ่มคิด หลังจากที่ผมเลิกทำงาน เขาจะดูแลแทนผมทั้งหมด
เป้าหมายของผมในปีหน้าอาจจะลดการทำงานลงเหลือเพียง 40% ให้ลูกชายทำงานมากขึ้น อีก 2-3 ปี จะให้เขาเข้ามาดูแลเต็มตัว และตัวผมจะคอยเป็นที่ปรึกษาให้ โดยผมก็จะไปใช้ชีวิตส่วนตัวมากขึ้น
สิ่งสำคัญที่ผมย้ำเสมอคือ ใช้โปรดักต์เป็นตัวนำ ทำงานให้ลูกค้าพึงพอใจ เพราะลูกค้าผมหลายรายกลายมาเป็นเพื่อน ก็อยากให้คนรุ่นหลังสืบต่อ ไม่อยากให้ทำลายความน่าเชื่อถือ แม้ผมไม่อยู่แล้ว แต่ถ้านึกถึงแบรนด์โฟร์พัฒนา ก็นึกถึงหน้าผมอยู่ ก็อยากให้ทุกคนทำให้ดี เพราะประโยชน์ที่ได้ไม่ใช่เพื่อผม แต่เป็นเพื่อพวกคุณทุกคน |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 01-10-2559
|
|
|
|
|
