|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ยุคดิจิทัล "รับสร้างบ้าน 4.0" แข่งดีไซน์-มาร์เก็ตติ้งล้ำเจาะเจนวาย |
|
เศรษฐกิจไทยมาถึงจุดที่รัฐบาลต้องการเทคโนโลยีเพื่อก้าวไปสู่ยุค Thailand 4.0 ซึ่งภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในองคาพยพทางเศรษฐกิจที่ต้องปรับตัวตามเช่นกัน สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านปิ๊งไอเดียจัดสัมมนาหัวข้อเด็ด "12 ปีธุรกิจรับสร้างบ้านกับความท้าทายในยุคดิจิทัล" แชร์นวัตกรรมการก่อสร้างจนถึงเทคนิครับมือการตลาดโซเชียลมีเดีย
ยุคใหม่แข่งดีไซน์-บริการ
"พิชิตอรุณพัลลภ"นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดประเด็นว่า ธุรกิจก่อสร้างหรืออสังหาฯ อาจได้รับผลกระทบน้อยกว่า การปรับตัวช้ากว่าธุรกิจอื่น เพราะการทำงานหลายส่วนยังต้องอาศัยมนุษย์ ยังไม่สามารถนำเทคโนโลยีมาทดแทนได้
อย่างไรก็ตาม รับสร้างบ้านต่อจากนี้ไม่สามารถเลี่ยงกระแสยุคดิจิทัลได้อีกแล้ว เพราะเทคโนโลยีค่อย ๆ เข้ามาปรับกระบวนการทำงานหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น ระบบ BIM (Building Information Modeling) เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการออกแบบอาคารเป็นรูป 3 มิติ สามารถคำนวณปริมาณวัสดุที่ต้องใช้เป็นนวัตกรรมที่ผู้ประกอบการควรพิจารณาอย่างจริงจัง ยังไม่นับรวนวัตกรรมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งผู้ประกอบการต้องตามให้ทัน
ลูกค้าคนรุ่นใหม่ชอบยูนีค
บนเวทีเดียวกัน "รศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล" คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ม.ธรรมศาสตร์ มองว่า เมื่อผู้ประกอบการแต่ละรายเข้าถึงเทคโนโลยีไม่แตกต่างกัน หลายบริษัทเลือกใช้พรีคาสต์หรือก่อสร้างสำเร็จรูปเหมือนกัน แนวโน้มการแข่งขันด้านความเร็วหรือมาตรฐานก่อสร้างอาจไม่แตกต่าง สิ่งที่จะหนีคู่แข่งได้คือดีไซน์บ้านและการบริการหลังการขาย เชื่อว่ากำไรส่วนใหญ่อาจมาจากการบริการต่อเนื่องหลังขายบ้าน เช่น ค่าบริการซ่อมแซมต่อเติมบ้าน
"ไผท ผดุงถิ่น" ที่ปรึกษาสมาคม Thailand Tech Startup กล่าวว่า เมื่อนวัตกรรมที่ทำให้สร้างบ้านได้เร็ว ผลิตแบบสายพานอุตสาหกรรม มีบ้านที่หน้าตาเหมือนกันหมด แต่ผู้บริโภคเจเนอเรชั่นวายเริ่มมีกำลังซื้อสูงขึ้น เติบโตมากับแนวคิดยุคดิจิทัล ทำให้กลุ่มลูกค้าเซ็กเมนต์นี้มีความต้องการแตกต่างออกไป
นั่นคือต้องการมีส่วนร่วมในการออกแบบบ้านของตนเองต้องการบ้านที่ประณีตและมีความเป็นตัวเองเป็นบ้านที่ไม่ใช่เพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น แต่สามารถเปิดให้สาธารณะชมได้ เช่น บ้านรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้ประกอบการที่จะได้เปรียบคือผู้ที่มีองค์ความรู้หลากหลายในการสร้างบ้านแบบพิเศษ
แบบสอบถามก็เปลี่ยน
"ไผท"บอกว่าโลกดิจิทัลยังเปลี่ยนแปลงวิถีทางการตลาด โดยเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการขายสินค้า วิธีการเก็บข้อมูลแบบเดิมคือส่งแบบสอบถาม เปลี่ยนจากแบบสอบถามบนกระดาษเป็นแบบสอบถามบนสื่อออนไลน์ เช่น อีเมล์ เว็บไซต์ แต่วิธีใหม่ในยุคนี้ที่ดี เร็ว ได้ผล คือการใช้โซเชียลมีเดียเป็นแบบสอบถาม
"สมมุติคุณต้องการออกแบบบ้านใหม่สไตล์ลอฟต์ แต่ไม่รู้คนชอบหรือเปล่า ถ้าคุณมีฐานเพจเฟซบุ๊กที่เข้าถึงคนจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว คุณแค่โพสต์รูปบ้านแบบลอฟต์เข้าไปติดต่อกันหลาย ๆ วัน แล้วสังเกตยอดกดไลก์กับคอมเมนต์ใต้ภาพ คุณก็จะได้คำตอบมาวิเคราะห์สินค้าตัวเองแล้ว"
พันทิปแจกคาถา 3 ข้อ
"รศ.วิทวัส" กล่าวตบท้ายปัญหาใหม่ในโลกดิจิทัล เนื่องจากผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูล เผยแพร่ประสบการณ์ง่าย ทำให้บริษัทหลายแห่งเคยประสบปัญหาวิกฤตชื่อเสียงจากโซเชียลมีเดีย เป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและใช้โซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์
โดยข้อมูลจากเว็บไซต์พันทิปเว็บบอร์ดแลกเปลี่ยนข้อมูลชื่อดังแนะนำองค์กรต่าง ๆ ในการเผชิญปัญหาจากโซเชียลมีเดีย มี 3 สิ่งที่ไม่ควรทำบนเว็บไซต์ 1.ขู่ว่าจะฟ้องร้อง เพราะกระแสสังคมตีกลับสู่บริษัทแม้บริษัทชนะคดีก็ตาม ควรใช้การชี้แจงกับสังคมด้วยเหตุผลแทน
2.อย่าใช้หน้าม้าแบบไม่จริงใจ ควรให้ความรู้กับชุมชนในระยะยาวมากกว่า 3.อย่าจ้างคนดังในเว็บไซต์ให้เขียนประชาสัมพันธ์ให้ แต่ควรเข้าไปเป็นสมาชิกชุมชนด้วยตนเอง
เป็นบทสรุปคาถา 3 ข้อใช้แก้ปัญหาวิกฤตข้อมูลบนโซเชียลมีเดียที่ได้ผลที่สุดในปัจจุบัน |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 15-09-2559
|
|
|
|
|
