|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| เซ็นทรัลติดปีกโมเดิร์นเทรด"ไทวัสดุ"42สาขารวมลูกค้าบัตรเข้าเดอะวันการ์ดช็อปปูน-กระเบื้องแลกแต้มพักรร. |
|
กลุ่มจิราธิวัฒน์เสริมเขี้ยวเล็บบริษัทลูก "ไทวัสดุ" เขย่าวงการโมเดิร์นเทรดวัสดุกระเพื่อมแรง ยุบรวมลูกค้าสมาชิก "ไทการ์ด" 1 ล้านรายเข้ามาอยู่ภายใต้เดอะวันการ์ด ฐานลูกค้าสมาชิกโตก้าวกระโดดเป็น 11.1 ล้านราย ชูจุดขายช็อปสินค้าไทวัสดุนำแต้มไปแลกซื้อของ-พักโรงแรมเครือเซ็นทรัลทั่วประเทศ เศรษฐกิจฝืดปีที่แล้วรายได้หลุดเป้า ปีนี้ตั้งหลักใหม่ขอปั๊มตัวเลข 2 หมื่นล้าน ปีหน้าเล็งเปิดเพิ่ม 4 สาขา ลงทุนรวม 2 พันล้าน
นายกำชัย หลุยยะพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทเปิดสาขา 42 ไทวัสดุ พระราม 2 ลงทุน 500 ล้านบาท เป็นสาขาเดียวที่เปิดบริการใหม่ในปีนี้ ขณะที่แผนธุรกิจปี 2560 เตรียมเปิดเพิ่ม 3-4 สาขา โดยศึกษาโอกาสการลงทุนทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด คาดว่าใช้งบฯลงทุนรวม 2,000 ล้านบาท
เสริมแกร่งกรุงเทพโซนใต้
ทั้งนี้ การเปิดสาขาพระราม 2 เป็นครั้งแรกที่นำเสนอโมเดล "ซิตี้สโตร์" กล่าวคือเป็นสโตร์โมเดิร์นเทรดค้าวัสดุและของตกแต่งในเขตเมือง แต่มีการย่อไซซ์ลง เรียกว่าเป็นคอมแพ็กต์ไซซ์เหลือ 15,000 ตารางเมตรจากปกติไทวัสดุเปิดสาขาด้วยไซซ์ 20,000-24,000 ตารางเมตร ตั้งเป้ามีรายได้สาขาพระราม 2 เฉลี่ยเดือนละ 50 ล้านบาทขึ้นไป
"สาขาพระราม 2 พื้นที่การตลาดครอบคลุมโซนถนนกาญจนาภิเษก บางบอน แสมดำ บางขุนเทียน สำรวจพบมีบ้านไม่ต่ำกว่า 1 แสนหลังคาเรือน ประชากรไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน บ้านใหม่ก็เพิ่มสูงในย่านนี้เพราะอินฟราสตรักเจอร์มีการขยายถนน และยังเป็นถนนสายหลักเดินทางสู่ภาคใต้"
ขณะเดียวกันบริษัทมีการลงทุนเปิดไทวัสดุ สาขามหาชัยอยู่แล้ว เปิดตัวเมื่อปี 2554 สามารถทำยอดขายได้ตามเป้า การเปิดสาขาเพิ่มที่พระราม 2 จึงเป็นการเสริมจุดขายและด้านบริการให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
"เวลาวางแผนลงทุนเปิดสาขาใหม่ ปกติจุดที่ตั้งของสาขาจะมีรัศมีการตลาดไม่เท่ากัน ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประชากรอาศัยหนาแน่น กำลังซื้อสูงกว่า รัศมีการทำตลาดอยู่ที่ 30 กิโลเมตร ถ้าเป็นสาขาต่างจังหวัดพื้นที่การตลาดมีรัศมีตั้งแต่ 60-100 กิโลเมตร"
สนลงทุนตลาดเออีซี
แผนธุรกิจในการเข้าไปลงทุนเจาะตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีหลังจากประเทศไทยได้เปิดประตูสู่เออีซีเป็นทางการตั้งแต่1มกราคม 2559 นายกำชัยกล่าวว่า การเข้าไปลงทุนใน 10 ประเทศอาเซียนเป็นกลยุทธ์ของเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปที่จะไปอยู่แล้ว รวมทั้งธุรกิจโมเดิร์นเทรดวัสดุและของตกแต่งบ้านในรูปแบบบิ๊กบ็อกซ์ อย่างไรก็ตาม ไทวัสดุยังต้องเตรียมความพร้อม ดังนั้นภายในปี 2560 ยังไม่เห็นการลงทุนเปิดสาขาในเออีซี ส่วนจะช้าหรือเร็วต้องขึ้นกับนโยบายของกรุ๊ปด้วย
"ปีนี้เราปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กรหลายด้านสัดส่วนลูกค้ายังมาจาก2กลุ่มหลักคือกลุ่มช่างและผู้รับเหมารายย่อย 30% กับลูกค้าเจ้าของบ้าน 70% แต่เป็นฐานลูกค้าที่พฤติกรรมการบริโภคมีการขยับตัว เช่น กลุ่มช่าง เดิมเข้ามาซื้อของแล้วรีบออกไป ปัจจุบันเริ่มเห็นมีการซื้อสินค้าตกแต่งบ้านมากขึ้น นอกเหนือจากการซื้อสินค้าโครงสร้าง ในส่วนของลูกค้าเจ้าของบ้านก็มีการปรับปรุงสโตร์ให้เดินสบาย หาสินค้าง่าย เสริมด้วยกิจกรรมการตลาดทั้งโปรโมชั่น การบริการที่ดีทั้งการติดตั้ง การขนส่ง ทำให้มั่นใจว่าเราเป็นผู้นำโมเดิร์นเทรดวัสดุรูปแบบบิ๊กบ็อกซ์"
เซ็นทรัลกรุ๊ปอุ้มเต็มที่
สำหรับเรื่องใหม่ในปีนี้นายกำชัยกล่าวว่าทางเซ็นทรัลกรุ๊ปได้มีการรวมบัตรสมาชิกของธุรกิจในเครือเข้ามาอยู่ในบัตรเดอะวันการ์ดทำให้เพิ่มฐานลูกค้าบัตรสมาชิกหรือเมมเบอร์การ์ดจากเดิมไทวัสดุมีเมมเบอร์การ์ด 1 ล้านใบ เมื่อเข้าไปพ่วงรวมอยู่ในเดอะวันการ์ด จึงกลายเป็นมีฐานลูกค้าสมาชิกใหญ่มากถึง 11.1 ล้านใบ ในเวลาเดียวกันทำให้มีพลังในการทำกิจกรรมการตลาด เพราะลูกค้าไทวัสดุสามารถสะสมแต้มแลกซื้อสินค้าและบริการในเครือเซ็นทรัลได้ทั้งหมด
"เมื่อต้นปีเซ็นทรัลกรุ๊ปทำเรื่องการรวมฐานลูกค้าสมาชิกเข้ามาอยู่ในเครือข่ายเดียวกันทำให้สามารถรู้พฤติกรรมลูกค้าตั้งแต่ตื่นมาซื้อนมกล่องที่แฟมิลี่มาร์ทช็อปปิ้งที่ห้างในเครือเราที่ไหนบ้างโดยมีกิจกรรมส่งเสริมการขายแบบออนท็อป และที่เซอร์ไพรส์ลูกค้ามากคือเราเลือกท็อปสเปนเดอร์หรือลูกค้าที่มียอดซื้อสูงสุดในแต่ละเดือน แต่ละสาขา มอบสิทธิประโยชน์ให้พักฟรีโรงแรมในเครือเซ็นทรัล ฯลฯ"
เป้ารายได้ 2 หมื่นล้าน
นายกำชัยกล่าวต่อว่า ไทวัสดุย่างเข้าสู่ปีที่ 6 มีการเติบโตเร็วเฉลี่ยปีละ 10 สาขา ยอดรวมล่าสุดมี 42 สาขา (รวมสาขาพระราม 2) ทั้งนี้ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทชะลอการเปิดสาขาใหม่เพราะเร่งสปีดเปิดสาขาเยอะในช่วงแรก จึงต้องกลับมาดูสเกลการลงทุนสาขา ซึ่งต้องดูทั้งภาพรวมตั้งแต่ไซซิ่งสโตร์ ปรับปรุงประสิทธิภาพ เช่น มีการขยายคลังสินค้าโดยเพิ่มพื้นที่ลานกระจายสินค้า และขยายพื้นที่โกดัง คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นปีนี้
ในด้านยอดขาย ปี 2558 มียอดขายรวม 19,000 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 20,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 5% หรือมียอดขาย 20,000 ล้านบาท เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว
"ปกติธุรกิจรีเทลจะเติบโตตามจีดีพีประเทศ ซึ่งจีดีพีบ้านเราบางปีก็มาจากการส่งออก ปีนี้ต้องดูในประเทศเป็นหลัก พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยว โดยรวมคาดการณ์กันว่าจีดีพีโต 3% เราบอกว่าเป้าขอโต 5% เราจะไม่โตต่ำกว่าจีดีพี" นายกำชัยกล่าว |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 14-09-2559
|
|
|
|
|
