|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| 2 เดือนหลัง "เบร็กซิต" อสังหาลอนดอนมีทั้งขั้วบวก-ลบ |
|
ซาวเสียงโบรกเกอร์และดีเวลอปเปอร์หลังสหราชอาณาจักรลงประชามติถอนตัวจากสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือ "เบร็กซิต-Brexit" ตั้งแต่ 23 มิ.ย. 59 ผ่านไปกว่า 2 เดือนนักลงทุนยังฝุ่นตลบทั้งลุยต่อและขอตั้งหลักก่อน
ราคาตก-ชะลอลงทุน
"พนม กาญจนเทียมเท่า" เอ็มดีไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีบริษัทแม่อยู่ในอังกฤษบอกว่า หลังเบร็กซิตลูกค้าชาวไทยหลายรายชะลอการลงทุนออกไปก่อน คงรอประเมินแนวโน้ม 3-6 เดือน จนกว่าจะแน่ใจว่าราคาอสังหาฯในอังกฤษกลับมาอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันราคาที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มลดลง
"อังกฤษใช้เวลา 2 ปีออกจากอียู คงเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยนิ่ง แต่ไม่ถึงกับเป็นสุญญากาศ เพราะอังกฤษยังแข็งแกร่ง คือ การศึกษา คนต่างชาติยังเข้าไปเรียนมาก ทำให้มีดีมานด์ตลาดที่อยู่อาศัย แต่ช่วงนี้ผันผวนระยะสั้นทำให้นักลงทุนรอดูไปก่อน ส่วนเรื่องเทขายอสังหาฯออกมานั้น ยังไม่เกิดขึ้นเพราะค่าเงินปอนด์ลดลง -15% แบบนี้ไม่ใช่ช่วงราคาดีที่จะขาย"
ทั้งนี้ ตลาดอสังหาฯในอังกฤษต้องแยก 2 ส่วน 1.ที่อยู่อาศัย ในแง่ราคามีความผันผวน แต่ผลตอบแทนค่าเช่าเชื่อว่าทรงตัวอยู่ที่ 3-4% ต่อปีไปอีก 3-5 ปี เพราะซัพพลายขาดแคลนอยู่แล้ว โดยผลกระทบเบร็กซิตทำให้ดีเวลอปเปอร์ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ 1-2 ปี
2.คอมเมอร์เชียล เช่น สำนักงานให้เช่า ห้างสรรพสินค้า เชื่อว่าได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะรับผลกระทบเรื่องกำแพงภาษีหลังอังกฤษออกจากอียู ทำให้บริษัทหลายแห่งตัดสินใจย้ายฐานออกจากอังกฤษ กระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินลดลง ส่วนโรงแรมถ้าเน้นลูกค้านักธุรกิจอาจกระทบมาก แต่โรงแรมที่เน้นนักท่องเที่ยวจะได้ประโยชน์เพราะค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง ทำให้คนเข้ามาท่องเที่ยวได้มากขึ้น
สิงห์ฯควานหาโอกาสในวิกฤต
"ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ" เอ็มดีพลัส พร็อพเพอร์ตี้มองต่างมุมว่า ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงเป็นปัจจัยบวกต่อนักลงทุนต่างชาติ เป็นโอกาสเข้าไปซื้อที่อยู่อาศัยในลอนดอน เพราะเป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษาและแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม โดยเฉพาะชาวจีนและชาวตะวันออกกลาง
"นริศ เชยกลิ่น" ซีอีโอสิงห์ เอสเตท ระบุว่า ยังเดินหน้าเจรจาเทกโอเวอร์โรงแรมเมอร์เคียว 26 แห่งตามแผนที่ประกาศไว้เมื่อปี"58 รวมทั้งสนใจเจรจาซื้อกิจการเพิ่มเติมด้วยซ้ำ เพราะค่าเงินปอนด์ที่อ่อนตัวลงเป็นปัจจัยบวกในการซื้ออสังหาฯ เป็นผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม อย่างไรก็ตาม บริษัทจับตามองความผันผวนทางเศรษฐกิจของอังกฤษอย่างใกล้ชิด
บ้านต่ำล้านปอนด์ยังไปได้
อีกราย"กิติศักดิ์จำปาทิพย์พงศ์"ซีอีโอเซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) มองว่า อสังหาฯคอมเมอร์เชียลขนาดใหญ่ราคาตก 35-40% แต่ที่อยู่อาศัยตก 5-10% เพราะไม่ได้ถือครองโดยกองทุนอสังหาริมทรัพย์ จึงมองว่าผู้ถือครองเป็นเรียลดีมานด์ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 1 ล้านปอนด์/ยูนิต ลูกค้าซื้ออยู่จริงมากกว่านักลงทุนเก็งกำไร ทำให้กำลังซื้อยังมีต่อเนื่อง
เป็นการให้ข้อมูลผ่านบทบาทนักลงทุนที่มีกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) 500 ล้านบาท ซื้อขายที่อยู่อาศัยในอังกฤษ 10 ยูนิต ที่อยู่ระหว่างรีโนเวตเตรียมปล่อยขาย มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนเพิ่มเพราะเงินปอนด์อ่อนค่า อนาคตรอปล่อยขายในจังหวะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นจะทำให้ได้กำไรเพิ่ม
โผล่อีกยูนิตละ 338 ล้าน
ข้อมูลที่สวนทางกันมาจากโครงการเซ็นเตอร์พอยท์ ลอนดอน โดย "เทรซี่ ฮิวจ์" ผอ.ฝ่ายขายส่วนที่พักอาศัย บริษัทแอลม่าแคนต้า เปิดเผยว่า นับแต่เบร็กซิตเป็นต้นมา ปรากฏว่านักลงทุนไทยสนใจเข้ามาลงทุนสูงกว่าปกติ 2 เท่า แต่ไม่ได้แจ้งยอดว่าซื้อจองเท่าไหร่
โดยให้รายละเอียดว่า เซ็นเตอร์พอยท์ ลอนดอน เป็นอพาร์ตเมนต์สูง 34 ชั้น ก่อสร้างตั้งแต่ปี 2509 ย่านสกายไลน์ มีห้องชุด 82 ยูนิต โดยการรีโนเวตเพื่อเปิดขายใหม่ ครั้งนี้เพิ่มห้องชุดแบบ 3 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านปอนด์ หรือ 338 ล้านบาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 45 บาท) คาดว่าการรีโนเวตแล้วเสร็จในปี 2560 ก่อนโครงการรถไฟใต้ดินครอสเรล (Cross rail) เปิดให้บริการในปี 2561 |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-09-2559
|
|
|
|
|
