| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 61 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 24-08-2559    อ่าน 1145
 ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต ครึ่งปีหลังขอตัวช่วยปลดล็อกสินเชื่ิอ

สัมภาษณ์พิเศษ

ไตรมาส 3/59 ดำเนินไปท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "ดร.ฮ้อ-ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต" ซีอีโอค่ายธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทที่มีประสบการณ์ 10 ปี ยูนิตสะสม 3-4 พันยูนิต มูลค่าโครงการสะสม 1 หมื่นล้านบาท มาแลกเปลี่ยนมุมมองการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของผู้ประกอบการ

- แนวโน้มจนกว่าจะถึงสิ้นปี

3 เดือนที่ผ่านมา ปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อยังสูง ทำให้มีบางกลุ่มราคาที่น่ากลัว โฟกัสลูกค้าเกรด B รายได้ต่อครอบครัว 3-5 หมื่นบาท หรือไม่เกิน 8 หมื่น/เดือน เพราะคนกลุ่มนี้มีภาระหลายส่วน หนี้ครัวเรือนสูงอยู่แล้ว ยิ่งภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ดี ยิ่งทำให้รายได้เขาเริ่มไม่แน่นอน กำลังซื้อลดลง

ขณะที่ลูกค้าบริษัทเราเจาะกลุ่ม B+ ขึ้นไป รายได้เกินเดือนละ 1 แสนบาท ยังคิดว่าปลอดภัย เรามีแผนซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพราะมองว่าสินค้าราคา 7-10 ล้านบาทขึ้นไปยังดีมานด์ ทำเลพระราม 3 โปรดักต์ที่เหมาะสมเป็นทาวน์เฮาส์ ถ้าบ้านเดี่ยวก็สนใจโซนกรุงเทพฯ เหนือ-ใต้ เช่น คลองตัน พัฒนาการ ซึ่งเราอยากแทรกตลาดตรงนี้

เวลาเลือกที่ดินต้องไซซ์กลาง 10-30 ไร่ เพื่อทำให้แต่ละโครงการจบใน 2 ปี เพราะมองในเรื่องกระแสเงินสด กับลูกค้าที่เข้ามาอยู่ ถ้าใหญ่เกินไปลูกค้าจะหงุดหงิดทำไมไม่ปิดการขายสักที (หัวเราะ)

ในขณะที่กลุ่มราคาต่ำกว่า 7 ล้าน แนวโน้มกำลังซื้อชะลอตัวน่าจะลากยาวถึงปี′60 เพราะในมุมดีเวลอปเปอร์ หลังอเมริกาเลือกตั้งปลายปีนี้ทุกอย่างน่าจะชัดขึ้น ตอนนี้ขมุกขมัว สิ่งที่วิเคราะห์กันคือ ถ้าโดนัล ทรัมป์ ชนะ นโยบายเน้นอเมริกันเฟิรสต์ อาจถอนการลงทุนแบบถอนยวง หรือสิ่งที่ลงทุนแล้วไม่ได้อะไรระยะสั้นก็ถอน โมเมนตัมอาจกลับไปที่ตะวันตก ทำให้ตะวันออกจีนมีโอกาสเข้ามามากขึ้น ถ้าฮิลลารี่ คลินตัน ชนะ คงเดินนโยบายเดิมสมัยโอบามา มองว่าโมเมนตัมจะลักษณะเดิม อเมริกายังมีบทบาทต่อเศรษฐกิจโลกอยู่

สำหรับผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เชื่อว่าเราค้าขายกับจีนได้ง่ายอยู่แล้ว

- แผนธุรกิจระหว่างนี้

ประคองตัวครับ ธนาพัฒน์ฯโปรดักต์เรามีไม่มาก เราสามารถเลือกตลาดได้ แต่บริษัทที่ประกาศตัวว่ายึดตลาดต่ำกว่า 7 ล้านจะเหนื่อยกว่าในภาพใหญ่ต้องกลับไปดูนโยบายแบงก์ชาติ (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ว่าผ่อนปรนอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ณ วันนี้ แนวทางแก้ไขจริง ๆ อยากให้มาดูด้านไฟแนนซ์ทั้งในฝั่งผู้ประกอบการและฝั่งผู้กู้รายย่อย ไม่ได้บอกว่าขอให้คนฟุ่มเฟือยหรือใช้เงินผิดประเภท แต่สามารถดีไซน์วิเคราะห์สินเชื่อ อยากให้ปลดล็อกสินเชื่อ เพราะดอกเบี้ยวันนี้ถูกมาก ฉะนั้นลูกค้าอยากลงทุนซื้ออสังหาฯอยู่แล้ว

ทีนี้ ปลดล็อกสินเชื่อมีอะไรบ้าง 1.เครดิตบูโร ไม่ใช่มองระยะสั้น 2.การดีแคลร์(แสดง) รายได้ เมื่อก่อนพูดว่าเงินเดือน 7 พันกู้ได้ 1 ล้าน แต่วันนี้ดอกเบี้ยต่ำทำได้ดีกว่านี้ไหม เช่น เงินเดือน 6.5-7 พันกู้ได้มากกว่านี้ไหม 3.สิ่งสำคัญอีกอัน ประเทศไทยเริ่มทำนั่นคือ "ฟิกซ์ดอกเบี้ยเงินกู้" ทุกคนโดนเหมือนกันหมด 3 ปีฟิกซ์ หลังจากนั้น MLR เพราะ 7% ดอกฝากแค่ไม่ถึง 1%

ก็อยากให้บ้านประชารัฐฟิกซ์ดอกเบี้ย 10 ปีเลย ถ้า ธอส. (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) กรุงไทย ออมสิน 3 แบงก์รัฐประกาศเลย ฟิกซ์ดอกเบี้ย 3.5% 10 ปี อย่างในอเมริกา ญี่ปุ่น ผมกล้าท้าว่าบ้านขายหมดเกลี้ยง (หัวเราะ) เขาบอกว่าทำไม่ได้ ต้นทุนเขาสูง แต่ถ้ากระทรวงคลัง แบงก์ชาติให้นโยบายลงไปก็น่าจะเป็นไปได้ โมเดลแบบนี้เราไม่ได้คิดไกลกว่าคนอื่น เราแค่คิดตามคนอื่น (ต่างประเทศ) อาจขอวงเงินสัก 5 หมื่นล้าน

- เคยเสนอถึงรัฐบาลหรือยัง

จริง ๆ ก็เคยคุยกับ SMC (บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย) ซึ่งเขาทำสินเชื่อบ้านอยู่แล้ว เราทำผ่านบทบาท 3 สมาคมอสังหาฯ ผลักดันเรื่องนี้อยู่ วิธีปฏิบัติไม่ต้องรอให้เขาทำหรอก แบงก์รัฐนี่แหละทำ ซื้อทรัพย์สินให้มีแวลู เพราะแอสเสทแวลู หรือทรัพย์สินที่มีค่า การทวีมูลค่าของมันก็จะขึ้นเร็ว สมมุติเราซื้อบ้านหลังหนึ่งในทำเลที่คิดว่าอนาคตจะดี แต่โดนดอกเบี้ยฟิกซ์ 4% 5 ปี ต้นทุนตรงนี้เราโดนเกือบ 10-20% ยังไม่ได้ลดต้นลดดอก

แต่สิ่งที่เราได้ในมุมกลับกัน ราคาประเมิน ราคาทรัพย์สิน มีโอกาสขึ้นมากกว่าอย่างน้อย 10-20% ในบางทำเล หลาย ๆ คนเขาก็คิดเรื่องพวกนี้ได้ แต่ถ้าเจอดอกเบี้ย 7% มันไปต่อไม่ได้ แบงก์ก็เลยเจอลูกค้าหัวหมอรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านทุก 3 ปี นั่นคือถ้าจะทำให้ตลาดสินเชื่อสร้างสรรค์จริง ๆ อยากให้ประกาศใช้สิ้นปีนี้เลย เพราะฉะนั้น ข้อเสนอแนะรัฐบาลต้องลงมาช่วย และเอาตัวบ้านประชารัฐมาเป็นพระเอกให้ได้ เพราะ ธอส. ออมสิน กรุงไทย พร้อมปล่อยเงินกู้ อยู่ที่แบงก์ชาติต้องทำงานช่วยอีกนิดหนึ่งครับ
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ  ] วันที่ 24-08-2559 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.