Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
อสังหาฯหลังประชามติ (2) เสียงระเบิดกลบความเชื่อมั่นรับสร้างบ้าน |
|
เมืองไทยหลังผลโหวตประชามติที่จัดขึ้นเมื่อ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ผลลัพธ์คะแนนรับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านฉลุย 61% ฟื้นความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตาม ดีใจได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์มีเหตุการณ์ระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งหัวเมืองท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจหลัก ทำให้ความเชื่อมั่นถอยกลับไปอยู่ที่เดิมก่อนมีการลงประชามติ จากความเห็นของ "พี่ป๋อง-สิทธิพร สุวรรณสุต" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น แฟรนไชส์ธุรกิจรับสร้างบ้านที่มี 40 สาขากระจายทั่วประเทศ
"ภาคใต้กำลังฟื้นดี ๆ มายังไงระเบิด..." คำกล่าวเปิดประเด็น ก่อนขยายความให้ฟังว่า สถานการณ์กำลังซื้อครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ภาคกลางอ่อนแอสุดเนื่องจากเกษตรกร ชาวนา ขายข้าวไม่ได้ราคา รวมทั้งมีปัญหาการเพาะปลูกเพราะเผชิญภาวะภัยแล้ง ภาคเหนือกับอีสานใกล้เคียงกัน แม้เป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองหลัก แต่มีปัญหาความไม่มั่นใจ ทำให้กำลังซื้อไม่เหมือนเดิม
แตกต่างกับภาคใต้ที่กำลังซื้อมีต่อเนื่อง ประเมินว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจฝืดแต่คนใต้ไม่ได้จนลง รายได้อาจหายไปบ้างกับยางพาราราคาตกต่ำ แต่ก็เป็นภาวะที่ดำรงอยู่มาหลายปี ทำให้มีการซึมซับปัจจัยที่เกิดขึ้น ทำให้ยอดออร์เดอร์สร้างบ้านของภาคใต้มีเข้ามาต่อเนื่อง จนทำให้มั่นใจว่าปีนี้เป้ารายได้รับสร้างบ้านของพีดีเฮ้าส์ฯน่าจะทำได้ 1,400 ล้านบาทตามเป้า
แต่นั่นเป็นการคาดการณ์ก่อนหน้าที่จะมีเหตุระเบิดและลอบวางเพลิงเกือบ 20 จุดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ผลกระทบอันดับแรก คือ เรื่องของความเชื่อมั่น
"ก่อนลงประชามติ ในฝั่งผู้ประกอบการคาดเดาลำบากว่าจะเป็นยังไง ถ้าไม่ผ่านหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญครึ่งปีหลังจะสาหัสแค่ไหน ความเชื่อมั่นมี 50% นิด ๆ แต่พอผลประชามติออกมาเป็นบวก ความเชื่อมั่นฟื้นขึ้นมาถึง 70-80% ตอนนี้ถอยกลับไปอยู่ที่เดิม 50/50"
"พี่ป๋อง-สิทธิพร" วิเคราะห์เป็นฉาก ๆ ว่า ผลของระเบิดในฝั่งผู้ประกอบการ ผู้ลงทุนแฟรนไชส์รับสร้างบ้านเป็นระดับเอสเอ็มอี (รายกลางรายย่อย) ถึงแม้มีเงินลงทุนแต่ก็ขาดความมั่นใจว่าจะมีลูกค้าหรือไม่ ก่อนนี้มีคนติดต่ออยากเปิดสาขาพีดีเฮ้าส์ฯในทำเลเขตเศรษฐกิจพิเศษ 2 สาขาที่สระแก้วกับแม่สอด กำลังซื้อดีมาก มีออร์เดอร์สร้างบ้านหลังละ 10 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าต้องเลื่อนหรือชะลอการเปิดสาขาออกไปอีกยาว
ผลกระทบในฝั่งผู้บริโภคหรือลูกค้า ดูเหมือนข้อคำนึงเรื่องการมีรายได้มั่นคงเป็นความกังวลหลัก กระทบความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก การตัดสินใจตอนนี้คือเลือกถือเงินสดในมือไว้ก่อน การสร้างบ้านสามารถรอได้
"ขวัญและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ คาดว่ากว่าจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ต้องรอ 2-3 เดือน เท่ากับว่าไตรมาส 3/59 ต้องทำงานกันเหนื่อยกว่าปกติหลายเท่า"
ถามถึงการปรับตัว สิ่งที่ต้องทำมี 2 อย่าง ควบคุมรายจ่ายกับผลักดันเป้ารายได้ให้ถึงเป้าที่ตั้งไว้ ส่วนจะทบทวนหรือรีวิวแผนธุรกิจหรือไม่นั้น "...ขอรอดูสิ้นไตรมาส 3 ก่อนตัดสินใจครับ" |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 20-08-2559
|
|
|
|
|