Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ภาษีที่ดินรัฐบาล คสช. (9) กม.ใหม่ไม่กดดันแลนด์แบงก์ติดมือ 2 พันล้าน |
|
ซีรีส์ผลกระทบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างวันนี้ มีนัดถกกับ "วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์" ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการ บมจ.มั่นคงเคหะการ ตัวย่อ MK ในฐานะเป็นทั้งบริษัทพัฒนาที่ดิน และเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน มูลค่าร่วม 3,000 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างประกาศตัดขายที่ดินออกจากพอร์ต แน่นอนว่ามีโอกาสที่แลนด์แบงก์ในมือจะกลายเป็นต้นทุนจ่ายภาษีในอนาคต หากไม่สามารถบริหารจัดการได้ทัน
เมื่อถามถึงผลกระทบกฎหมายใหม่ "ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ...." ซึ่งรัฐบาล คสช.ตั้งเป้าผลักดันให้มีการบังคับใช้ภายในต้นปี 2560 แนวคำตอบคือ "...สำหรับผู้ประกอบการ ส่วนหนึ่งเรามีที่ดินเปล่า ถ้าไม่อยู่ใกล้เคียงการพัฒนาเราอาจจะขายออกมา เพราะส่วนหนึ่งมีภาษีที่ดินตรงนั้นด้วย และส่วนหนึ่งเรามีธุรกิจตรงนั้นด้วย ต้องการหารายได้จากทรัพย์สินที่ชัดเจน ถ้าไม่มีรายได้ที่ชัดเจน เราก็จะขายออกมา"
และ "สำหรับผู้ซื้อ ผู้บริโภค ผมคิดว่าสำหรับเราเองอยู่ในเซ็กเตอร์ที่ค่อนข้างเล็ก ราคาขายรัฐก็คงไม่ได้มีนโยบายเฉพาะบ้านที่สูงกว่าเท่าไหร่ หรือราคาสูงกว่าเท่าไหร่ที่มาจัดเก็บ สำหรับเราก็คงไม่กระทบกับเรามากมาย"
น่าสนใจว่า MK ในยุคนี้ หลังจากผ่านปฏิบัติการเทกโอเวอร์เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนเจ้าของจากเดิมเป็นของ "ชวน ตั้งมติธรรม" มาสู่ทีมผู้บริหารชุดใหม่ ภาพที่เห็นมีการรีโมเดลธุรกิจ เพิ่มบทบาทพอร์ตรายได้ค่าเช่าให้มีสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง หรือ 50 : 50 กับพอร์ตรายได้อสังหาริมทรัพย์ขายขาดหรือโอนกรรมสิทธิ์ แน่นอนว่าเท่ากับเป็นการลดบทบาทรายได้พอร์ตขายขาดโดยปริยาย
ทั้งนี้ ทำให้มั่นคงเคหะการ กลายเป็นบริษัทที่มีต้นทุนถึง 3 สถานะ ถ้าหากมีการจัดเก็บภาษีที่ดินฯขึ้นมาในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งสถานะของการเป็นเจ้าของที่ดินเปล่า มีภาระภาษีปีละ 1-3% หรือล้านละ 1-3 หมื่นบาท, การเป็นบริษัทพัฒนาที่ดิน ที่มีต้นทุนจ่ายภาษี 0.05% หรือล้านละ 500 บาทภายใน 3 ปีแรก และการเป็นเจ้าของอสังหาฯให้เช่า ทำให้ถูกตีความจ่ายภาษีประเภทพาณิชยกรรม อัตราภาษี 0.3-1.5% หรือล้านละ 3 พัน-1.5 หมื่นบาท (ขึ้นกับมูลค่าทรัพย์สิน)
โฟกัสเฉพาะพอร์ตให้เช่าที่ตั้งเป้าทำกำไร 50% ของกำไรรวม ภาษีที่ดินฯกระทบต่อกำไรจนทำให้ต้องมีการปรับค่าเช่าหรือไม่
"ผมก็เสียภาษีโรงเรือนฯชัดเจนอยู่แล้วเรื่องปกติอยู่ในแคชโฟลว์อยู่ในแคปชั่นของเราหมดแล้วเราคิดว่าเคยจ่าย10% กว่าอยู่แล้ว ภาษีใหม่ก็ต้องจ่าย ส่วนที่ถามว่าจะมีการปรับค่าเช่าไหม คงไม่หรอกฮะ อย่างธุรกิจอินดัสเตรียล พร็อพเพอร์ตี้ (ให้เช่าโรงงาน) ผู้เช่าเป็นผู้จ่าย หรืออย่างอพาร์ตเมนต์เราก็รวมอยู่แล้ว ซึ่งเราก็คิดว่า ตัวเลข 12.5% ก็สูงอยู่แล้ว แม้ของใหม่คิดภาษีจากมูลค่าทรัพย์สิน แต่ภาษีที่ดินฯเราดูแล้วไม่น่าจะสูงไปกว่าภาษีโรงเรือนฯ"
สำหรับความคืบหน้าการตัดขายที่ดินมูลค่า3,000ล้านบาทในมือ
"วรสิทธิ์"บอกว่าทรัพย์สินประมาณ 3,000 ล้าน สัดส่วน 80% อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล มีสนามกอล์ฟด้วย ปีที่แล้วระบายที่ดินไปเยอะ 600-700 ล้าน ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาระบายไปอีก 200 ล้านบาท เท่ากับยังเหลืออีกประมาณ 2,000 ล้านบาท
"เราไม่ได้รีบร้อน อยู่ระหว่างจะสร้างรายได้ค่าเช่า ถามว่ามีคนมาเสนอราคาที่เราอาจไม่ต้องการ เราก็ไม่ต้องรีบขาย ภาษีที่ดินฯไม่ได้เป็นปัจจัยกดดันกับเราเลย" |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 04-08-2559
|
|
|
|
|