| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 78 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 04-08-2559    อ่าน 1164
 สัญชัย คูเอกชัย โบรกเกอร์งานชุก ดีลซื้อขายที่ดินฟู

สัมภาษณ์

เรื่องเด่นประเด็นร้อนวงการอสังหาริมทรัพย์วินาทีนี้ ต้องนับรวมการเตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ว่าด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง วันนี้คนวงการโบรกเกอร์อสังหาฯ "สัญชัย คูเอกชัย" รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมตัวรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเจ้าของที่ดินหรือแลนด์ลอร์ดเมืองไทย

- สถานการณ์ครึ่งปีแรก

เทรนด์ครึ่งปีแรกสำหรับธุรกิจโบรกเกอร์ยังเป็นเรื่องจอยต์เวนเจอร์ ดีเวลอปเปอร์รายใหญ่ ๆ ยังมองหากลุ่มทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาร่วม ปัญหาไม่ใช่เงินทุนเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องความมั่นใจ แบงก์ไม่ปล่อยกู้และไม่ได้จำกัดแค่โพสต์โลน (สินเชื่อรายย่อย) แต่ลามไปถึงเข้มงวดพรีโลน (สินเชื่อโครงการ) ด้วย โดยผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กต้องการันตีสัญญาจองซื้อ 70% ของยอดขาย

ครึ่งปีหลังน่าจะอั้นไม่อยู่ โครงการพัฒนาใหม่ ๆ น่าจะเข้ามาเยอะ ปัจจัยเพิ่มเติมจากนักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยเฉพาะการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ วันที่ 7 ส.ค.นี้ ถ้าผ่านไปด้วยดี ทำให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้น ซึ่งเขา (ต่างชาติ) ลงทุนระดับใหญ่ เช่น จีน กลายเป็นว่าสิ่งที่ติดปัญหาคือเรื่องไซซิ่งดีลมากกว่า เพราะเวลาพัฒนาในบ้านเขา (ในจีน) ค่อนข้างใหญ่ โครงการละ 1 หมื่นล้านบาทขึ้นไป แต่บ้านเรามูลค่าเฉลี่ย 3-5 พันล้านบาท

- ผลกระทบที่เกิดขึ้น

ภาษีที่ดินฯช่วยได้ในเรื่องการใส่ซัพพลายเข้ามาในตลาด ดีลจะมากกว่าเดิม ปกติค่าฟีแต่ละดีล 3-5% ของราคาตลาด เมเจอร์อิมแพ็กต์ในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มมีลูกค้าวิ่งเข้ามาค่อนข้างเยอะ กฎหมายภาษีที่ดินฯเป็นปัจจัยผลักดันให้กลุ่มเวลท์ 50 ตระกูลแรกของประเทศไทย ที่มีแลนด์แบงก์ในมือค่อนข้างเยอะ เริ่มคิดว่าทำยังไงกับที่ดินในมือ เดิมมองว่าความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ ภาษีก็น้อย แต่ตอนนี้เริ่มมาคุยกับเราว่าอยากจะขายออกไป

แต่เดิมดีลที่เคยช้า บางที 3-4 ปีก็มี แต่ตอนนี้เขาอยากจบใน 6-8 เดือน หรือไม่เกิน 1 ปี ประเมินคร่าว ๆ ทรัพย์สินที่ดินในมือของ 50 ตระกูล น่าจะถือครอง 30-40% ของทั้งประเทศ มีทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เช่น โซนสุวรรณภูมิ ไซซ์ 50-100 ไร่ ที่ดินเปล่านอกสนามกอล์ฟ เสนอราคาใกล้เคียงตลาด เพราะอยากเปลี่ยนที่ดินเป็นเงินสดมากกว่า อยากได้ดีเวลอปเปอร์รายใหญ่เข้ามาทำ

- พฤติกรรมผู้ซื้อผู้ขายที่ดิน

ต้องบอกว่าตลาดตอนนี้เป็นของผู้ซื้อ ผู้ขายก็ไม่ได้อ่อนลง แต่ว่าทำเลไพรมแอเรียส่วนใหญ่เป็นของกลุ่มตระกูลมีเงินอยู่แล้ว เขาไม่เดือดร้อน เมื่อก่อนคอนเซ็ปต์จริง ๆ คือไม่อยากขาย อยากปล่อยเช่าเพราะไม่มีต้นทุน แต่ตอนนี้พอเริ่มมีต้นทุน (จ่ายภาษีที่ดิน) เขาก็เริ่มอยากขายที่ดิน ซึ่งต้องบอกว่าคนที่ออฟเฟอร์ราคาที่ดินแพงที่สุดไม่พ้นบริษัทจัดสรร คนขายที่ดินเข้าใจภาพแล้วว่า เวลาเสนอขายต้องกลุ่มเรสซิเดนเชียลนี่แหละ

เวลาที่ดินสวย ๆ เราก็จะเปิดบิด ตอนนี้ลักษณะการเสนอซื้อเสนอขายเป็นลักษณะออฟเฟอร์โดยตรงมากกว่า รูปแบบเขา (เจ้าของ) คุยกับทุกคน ทั้งดีลตรงกับผู้ซื้อและผ่านโบรกเกอร์ ถ้าไม่ได้โพเทนเชียลเขาก็ไม่มายด์

- ราคาที่ดินลดลงไหม

ยังนะครับ ในตลาดเองทุกคนก็ยังค่อนข้างเชื่อมั่นว่าราคาไม่ลง แต่ลักษณะการคุยเริ่มมีการเปิดออปชั่นมากกว่า เช่น ไพรมแอเรียบอกขายวาละ 2 ล้าน แต่ตอนนี้คนออกมาขายเยอะขึ้น อาจบวกเพียง 10-15% เดิมบวกเยอะ 20-100% ซึ่งสถานการณ์ปกติราคาที่ดินเฉลี่ยขึ้นปีละ 5-7% แต่ตอนนี้น่าจะขึ้นได้ไม่เยอะเหมือนอดีต

- ข้อเสนอแนะภาษี

ในมุมดีเวลอปเปอร์เขาปรับตัวได้ ต้องให้ระยะเวลาเขา สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการรายกลาง-ย่อยคิดว่าอาจยังปรับตัวไม่ทัน อาจต้องดูมาตรการอื่น ๆ หรือให้ระยะเวลามากกว่าเดิม จากข้อกำหนดโอนกรรมสิทธิ์แล้วให้เวลา 3 ปี ในการพัฒนาโครงการโดยไม่ต้องจ่ายภาษี ถ้ารัฐบาลยืดเวลาเป็น 5 ปี ก็ช่วยได้เยอะแล้วครับ

ส่วนคนที่ไม่ใช่ดีเวลอปเปอร์ ผมมองว่าภาษีที่ดินฯในระยะยาวเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว คนที่เข้าใจจะปรับตัวได้เอง สุดท้ายเรามีที่ดินค่อนข้างเยอะมาก แต่พอที่ดินตกอยู่ในมือคนไม่กี่กลุ่ม ทำให้ต้นทุนพัฒนาที่ดินสูงขึ้น คนที่จะเข้าไปซื้อเขาแบกคอสต์ไว้

- ตัวอย่างที่ดิน 3 แปลงฮอต

ถ้าแย่งกันซื้อคงไม่มี (หัวเราะ) ตอนนี้เราเข้าใจว่ามีแถวจรัญสนิทวงศ์ ใกล้สถานีกลางบางซื่อ ชุมทางรถไฟฟ้าในอนาคต โดยเฉพาะบริเวณอินเตอร์เชนจ์ที่ยังมีการซื้อขาย เป็นที่ดินเปล่า ทำเลแถวนั้นส่วนใหญ่เป็นที่ดินภาครัฐ แต่ถ้าเลยรถไฟฟ้าออกมามีที่ดินเอกชนไม่กี่แปลง เพียงแต่การขออนุญาตรายละเอียดยุ่งยากกว่า

เพราะฉะนั้นแปลงฮอตก็กลับมาลูปเดิม คนอยากได้ในซิตี้เซ็นเตอร์อยู่ดี
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ  ] วันที่ 04-08-2559 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.