Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
รายกลางโวยแหลกภาษีที่ดิน ทำไม่ทันช่วงผ่อนผัน "3 ปีแรก" |
|
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ร่างกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้มีการบังคับใช้ภายในต้นปี 2560 จากการประเมินผลกระทบเบื้องต้น ทำให้บริษัทต้องทบทวนการขายโครงการให้หมดภายใน 3 ปี จากปัจจุบันโครงการขนาด 20-30 ไร่ใช้เวลาปิดการขายเฉลี่ย 3-3 ปีครึ่ง
ทั้งนี้ แนวทางของร่างภาษีที่ดินฯ มีข้อกำหนดสำหรับผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน จะมีการเรียกเก็บภาษีในอัตราผ่อนผันช่วง 3 ปีแรกนับตั้งแต่รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในอัตรา 0.05% หรือล้านละ 500 บาท หลังจากนั้นต้องจัดเก็บในอัตราประเภทพาณิชยกรรม ซึ่งมีฐานภาษีเริ่มต้น 0.5-2% หรือล้านละ 5,000-20,000 บาท มีผลทำให้ต้นทุนพัฒนาโครงการเพิ่มสูงขึ้นทันที
ในกรณีนี้ สำหรับผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กอาจต้องเพิ่มต้นทุนภาษีที่ดินช่วงที่เกิน 3 ปีแรกไว้ตั้งแต่เริ่มพัฒนาโครงการ สำรองในกรณีที่ไม่สามารถปิดการขายได้ทันเวลาที่กฎหมายกำหนด ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะสะท้อนเข้าไปอยู่ในราคาสินค้า โดยทำได้หลายแนวทาง อาทิ ลดคุณภาพวัสดุก่อสร้าง, รีไซซ์บ้านให้มีขนาดเล็กลง ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ธนาสิริฯกำลังพิจารณาซื้อแลนด์แบงก์สะสม เนื่องจากราคาที่ดินทำเลศักยภาพสูงในกรุงเทพฯ เติบโตปีละ 30-50% สูงกว่าอัตราภาษีที่ดินเปล่าที่มีเพดานสูงสุด 5% ต่อปี ดังนั้น การตุนที่ดินจึงมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ
"การถือครองที่ดินเป็นปัจจัยสำคัญของผู้ประกอบการ เราต้องมีแลนด์แบงก์ไว้พอสมควรเพื่อคุมต้นทุน พอภาษีที่ดินฯออกมา จำเป็นต้องผลักภาระภาษีไปในโครงการ ในวงการทุกคนก็ทำแบบเดียวกัน แต่ต้องดูว่าถ้ารวมต้นทุนภาษีนี้ไปแล้วแข่งขันได้ ลูกค้ายังตัดสินใจซื้ออยู่ ต้องหาจุดที่เหมาะสม ส่วนอื่น ๆ ก็ต้องกลับมาดูเรื่องการขาย จะทำอย่างไรให้ขายเร็วได้ภายใน 3 ปี" นายสุทธิรักษ์กล่าว
นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชีวาทัย เปิดเผยว่า ข้อกำหนดของร่างกฎหมายภาษีที่ดินฯ ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการ เนื่องจากดีเวลอปเปอร์รายกลางที่พัฒนาคอนโดฯไม่มีเทคโนโลยีสูงเท่ารายใหญ่ การก่อสร้างยังเป็นแบบก่ออิฐฉาบปูนเป็นหลัก ทำให้สร้างได้ช้ากว่า
โดยระยะเวลาออกแบบขอใบอนุญาตก่อสร้างและรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) รวมกับขั้นตอนก่อสร้าง หากเป็นตึกโลว์ไรส์ไม่เกิน 8 ชั้นใช้เวลา 2 ปี เมื่อรวมกับการโอนและขายปิดโครงการใช้เวลา 3 ปี ส่วนตึกไฮไรส์สูงกว่า 8 ชั้นใช้เวลาออกแบบจนถึงสร้างเสร็จ 3-3 ปีครึ่ง เมื่อรวมช่วงโอนกรรมสิทธิ์และขายระบายสต๊อกใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี
ดังนั้น คอนโดฯไฮไรส์จึงไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันกำหนดบรรเทาภาษีที่ดินฯในช่วง 3 ปีแรกแน่นอน จึงมองว่ารัฐควรขยายระยะเวลาเพิ่มเป็น 5-6 ปีเพื่อความยุติธรรมต่อรายกลาง หากรัฐยืนยันให้เวลาเพียง 3 ปี บริษัทมีทางเลือกเพียงรับภาระภาษีไว้เองหรือบวกต้นทุนภาษีเข้าไปในราคาขายคอนโดฯ ดังนั้น จะรอให้มีความชัดเจนก่อนตัดสินใจเลือกแนวทาง |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 23-06-2559
|
|
|
|
|