Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
3 สมาคมอสังหาฯขานรับภาษีที่ดินฯ |
|
วินาทีนี้ กฎหมายใหม่อย่าง "ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ...." กลายเป็นแรงกระเพื่อมต่อวงการอสังหาริมทรัพย์ จากการจัดเก็บภาษีที่ดินเปล่า ที่ดินประกอบเกษตรกรรม ที่ดินประกอบพาณิชยกรรม และที่อยู่อาศัย โดยการคิดคำนวณจากมูลค่าทรัพย์สิน มีเพดานภาษีตั้งแต่ 0.05-5% ท่ามกลางบรรยากาศขานรับของ 3 สมาคมวงการพัฒนาที่ดิน
คาดนักเก็งกำไรลดลง
มุมมองแรก "อธิป พีชานนท์" นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในแง่ผู้ประกอบการถือเป็นผลดี เพราะน่าจะมีผลกระทบมากต่อเจ้าของที่ดินรกร้างว่างเปล่า แม้ว่าในปีแรก ๆ จัดเก็บภาษีเพียง 1-2% แต่ก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าของที่ดินน่าจะปล่อยขายที่ดิน ดีเวลอปเปอร์จึงมีตัวเลือกในการซื้อที่ดินมาพัฒนาโครงการมากขึ้น
มุมมองยังแอบหวังลึก ๆ ด้วยว่า อาจทำให้ราคาที่ดินต่ำลงในอนาคต
ส่วนที่ดินอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ ลดภาระภาษีเหลือ 0.05% หรือล้านละ 500 บาท ใน 3 ปีแรกหลังรับโอนกรรมสิทธิ์ ถือว่าไม่หนักมากนัก อาจสะท้อนให้ราคาบ้านสูงขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะขึ้นมากเช่นกัน
สำหรับ "ที่อยู่อาศัย" ผู้ซื้อเป็นบ้านหลังแรกแทบไม่มีผลกระทบเพราะจัดเก็บมูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีน้อยมากในตลาด จุดโฟกัสมาตกอยู่กับ "บ้านหลังที่สอง" กระทบกลุ่มนักลงทุนทั้งเก็งกำไรและปล่อยเช่า คาดว่ามีอยู่ 20% ของตลาด ส่วนมากเป็นคอนโดมิเนียม
"ซื้อลงทุนปล่อยเช่ามีรายได้จากค่าเช่ามาจ่ายภาษีอยู่แล้ว แต่กลุ่มซื้อเก็งกำไรมีปัญหามากกว่า เพราะไม่มีรายได้จากทรัพย์สินในระหว่างถือครอง การจัดเก็บภาษีจะเป็นแรงกดดันทำให้ลดการเก็งกำไรลงตลาดอยู่ในภาวะสมดุลมากขึ้น เป็นสิ่งที่ดีเพราะปกติแล้วนักเก็งกำไรขายห้องชุดรีเซลเป็นซัพพลายแฝงในตลาด ทำให้ดีเวลอปเปอร์ขายคอนโดฯใหม่ยากขึ้น"
การให้คะแนนภาพรวมระบุว่าเป็นกฎหมายที่ดี แต่ฝากประเด็นการลงรายละเอียดให้ชัดเจน หากบริษัทพัฒนาโครงการไม่จบภายใน 3 ปี รัฐเรียกเก็บภาษีในอัตราของที่ดินกลุ่มใด เช่น ที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม หรือที่ดินเปล่า
คอนโดฯไฮไรส์กระเทือน
มุมมองที่ 2 "ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต" นายกสมาคมอาคารชุดไทย มองว่าภาษีที่ดินฯเป็นผลดีกับภาคอสังหาฯ เพราะทำให้เจ้าของที่ดินใจกลางเมืองอาจใจอ่อนยอมขายออกมามากขึ้น เพราะมูลค่าที่ดินสูงแตะหลักร้อยล้านหลายแปลง คำนวณแล้วต้องเสียภาษีหลักล้านบาท ถือเป็นภาระสูงสำหรับแลนด์ลอร์ด
ส่วนข้อยกเว้นที่ดิน 3 ปีแรกให้จ่ายเพียงล้านละ 500 บาทนั้น ประเด็นคอนโดฯไฮไรส์อยู่ที่ใช้เวลาพัฒนาและขาย 3-4 ปีขึ้นไป จึงจำเป็นจะต้องปรับกลยุทธ์ทำทุกอย่างให้จบภายใน 3 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงภาระภาษี เพราะหลังกำหนด 3 ปี ภาษีที่ดินฯประเภทที่อยู่อาศัยจะต้องจ่าย 0.2% หรือล้านละ 2,000 บาท
ในฝั่งผู้ซื้อ "ประเสริฐ" มองบวกว่า อาจมีผลทางจิตวิทยากับนักลงทุนบ้าง แต่ไม่มากนักเพราะอัตราภาษีไม่สูง
แนะคุมไฮโซสวมสิทธิ์เกษตร
มุมมองสุดท้าย "พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์" นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดประเด็นต่อยอดว่า ภาษีที่ดินฯเป็นผลให้แลนด์ลอร์ดตัดสินใจขายที่ดินง่ายขึ้น แต่ก็มองว่ารัฐต้องเข้มงวดเรื่องการนิยามที่ดินเกษตรกรรม เพื่อไม่ให้แลนด์ลอร์ดนำที่ดินเปล่าใจกลางเมืองทำเป็นที่ดินเกษตรกรรม หาช่องจ่ายภาษีอัตราต่ำสุดโดยไม่ได้เป็นการประกอบอาชีพจริง
ขณะเดียวกันฝั่งผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กที่เคยชินกับการพัฒนาโครงการผืนใหญ่10ปี ต้องคำนวณความคุ้มค่าในการบริหารให้ดี
ส่วนผู้ซื้ออาจมีผลต่อการตัดสินใจบ้างในช่วงนี้ แต่เชื่อว่าอัตราภาษีค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะบ้านหรือคอนโดฯราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท คิดภาษีเพียง 0.03% หรือล้านละ 300 บาท จึงเชื่อว่ายังมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่อเนื่อง เพราะมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นต่อปียังสูงกว่าภาษีที่ต้องจ่ายนั่นเอง |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 14-06-2559
|
|
|
|
|