Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ศก.ฝืด เช็กเรตติ้งอสังหาต่างจังหวัด (จบ) "กาญจน์กนก" ทุนท้องถิ่นคุมต้นทุนได้ก็สู้ได้หมด |
|
13 ปีเต็มในปีนี้สำหรับอสังหาริมทรัพย์กลุ่มทุนท้องถิ่นอย่าง "กาญจน์กนกกรุ๊ป" จังหวัดเชียงใหม่ หัวเมืองที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นดินแดนปราบเซียน จากเครือข่ายแล็บสีร้านโฟโตแม็กซ์ 22 สาขา ผันตัวมาเป็นดีเวลอปเปอร์ จนกระทั่งล่าสุดมี 76 โครงการสะสมในมือ ปิดการขายไปแล้ว 36 โครงการ อยู่ระหว่างขายอีก 40 โครงการ
ในด้านตัวเลข แม้จะเพิ่งทำธุรกิจอสังหาฯได้เพียงสิบกว่าปี แต่ยอดโอนเมื่อปี 2558 ตัวเลขกลม ๆ คือ 2,200 ล้านบาท ยอดมูลค่าโครงการสะสมอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท นับเฉพาะแผนเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้ มีมูลค่าโครงการรวม 4,900 ล้านบาท จาก 9-10 โครงการ ส่วนใหญ่วางจังหวะไว้ในช่วงไตรมาส 3/59
แม่ทัพใหญ่และเจ้าของ "พี่เป้-กนกศักดิ์ เชี่ยวศิลปธรรม" บอกว่า จิ๊กซอว์ที่ทำให้กาญจน์กนกประสบความสำเร็จมีหลายตัวด้วยกัน ไล่เรียงทีละประเด็นเริ่มจาก "ราคา" สะท้อนผ่านแบรนด์โครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ ดังนี้
แบรนด์บ้านเดี่ยว "กาญจน์กนก" เจาะตลาดกลาง เริ่ม 3-5 ล้าน/ยูนิต ที่ดิน 50-70 ตร.ว. ตลาดเล็กลงมา แบรนด์ "กาญจน์กนก วิลล์" ที่ดินเท่ากันแต่ราคากดลงมาที่ 1.9-2.5 ล้านบาท แน่นอนว่าทำเลหลบอยู่ในซอย กลยุทธ์ คือ การเลือกซื้อที่ดินในซอยจะต้องมีทางเข้า-ออกได้มากกว่า 1 ทาง หรือเข้าออกได้อย่างน้อย 2 ถนน
ทาวน์เฮาส์แบรนด์ "กาญจน์กนก ทาวน์" ทำสองชั้น ที่จอดรถ 2 คัน ที่ดิน 21-40 ตร.ว. ตัวบ้านไซซ์ 120 ตร.ม. สนนราคาอยู่ที่ 1.5-2.3 ล้านบาท ข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย คือ "...ทาวน์เฮาส์ราคาของผม จองแล้วหลุด (กู้ไม่ผ่าน) สัก 40% แต่พอหลุดปุ๊บจะมีคนจองต่อทันที)
อาคารพาณิชย์มีแบรนด์เดียว "บิซ พอยต์" แต่ฟาดเข้าไป 10 ทำเล ที่ดิน 17-25 ตร.ว. ราคา 3.8-8 ล้านบาท
ส่วนคอนโดฯเป็นอีกโปรดักต์ที่ขายดิบขายดี มี 2 แบรนด์ "วัน พลัส" แบบ 1 ห้องนอน ไซซ์ 30-35 ตร.ม. ราคา 1.2-2.5 ล้านบาท กับแบรนด์ที่ขยับสูงขึ้นมาอีกนิด เพราะขยายห้องใหญ่ขึ้น "กรีนเนอรี่ ฮิลล์" แบบ 1-2 ห้องนอน ไซซ์ 55-110 ตร.ม. ราคา 2.3-6 ล้านบาท
จะเห็นว่าเป็นดีเวลอปเปอร์ที่มีโปรดักต์ครบทุกประเภท ทำให้กาญจน์กนกเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการทุนท้องถิ่นที่คอนเฟิร์มว่า มาร์เก็ตแชร์หรือส่วนแบ่งการตลาด 85-90% อยู่ในมือคนท้องถิ่น ไม่ใช่อยู่ในมือของบิ๊กแบรนด์จากกรุงเทพฯแต่อย่างใด
คีย์ซักเซสตัวที่ 2 แน่นอนว่า เป็นเรื่องแลนด์แบงก์ บางรายได้เปรียบเพราะเป็นแลนด์ลอร์ด หรือเป็นเจ้าที่ดินเสียเอง ดังเช่นกลุ่มอีสานพิมานกรุ๊ป เมืองขอนแก่น แต่กรณีของกาญจน์กนก ได้เปรียบเพราะเป็นคนเมือง ทำให้เจ้าของที่ดินแปลงยิบแปลงย่อยเดินเข้ามาถามขายให้เอง
"พี่เป้-กนกศักดิ์" สรุปปัจจัยที่ทำให้สามารถเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% ต่อเนื่อง มาจาก 1.ซื้อที่ดินถูก 2.บ้านหล่อเป็นหลัง ๆ (ระบบก่อสร้างคาสต์ อิน เพลส หล่อสำเร็จรูปที่ไซต์โครงการ) ทำให้สปีดสร้างเสร็จใน 4 เดือน แบบไม่ต้องเร่งรัด แต่ถ้าเร่งสร้างก็เคยทำ 2 เดือนเสร็จ
ถามถึงการแข่งขันกับโครงการของบิ๊กแบรนด์ "...ไม่ได้มีผลอะไร คนละกลุ่มเป้าหมาย ราคาสูงกว่าเราเยอะ เขามีแบรนด์ทำให้ขายแพงกว่าเรา 10% ขึ้นไป" ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นคนเมือง (เชียงใหม่) 60% อีก 40% เป็นคนจากจังหวัดใกล้เคียงที่ส่งลูกหลานมาเรียนหนังสือในเชียงใหม่ ถ้าหากเทียบทำเลต่อทำเล โปรดักต์ต่อโปรดักต์ กาญจน์กนกจะต่ำกว่าประมาณ 20%
เมื่อย้อนมองปรากฏการณ์ของอสังหาฯท้องถิ่นผ่านภาวะการแข่งขันสูงในปัจจุบัน คำแนะนำที่ฝากไว้ คือ "แต่ละรายก็คงต้องปรับตัวในเรื่องการควบคุมต้นทุน โดยเฉพาะการก่อสร้าง"
ถามถึงอนาคต เขามองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีก แต่อาจจะไม่หวือหวาเท่ากับ 4-5 ปีก่อน |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 14-05-2559
|
|
|
|
|