Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
"เอสซีจี" มองวัสดุ-ซีเมนต์ "เมกะโปรเจ็กต์ดันตลาดโต-ปูนไม่ขึ้นราคา" |
|
สัมภาษณ์
การลงทุนภาครัฐถูกตั้งความหวังเป็นพระเอกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่กระจายตัวทั่วโลก ล่าสุด รัฐบาล คสช. เริ่มทยอยออกมติคณะรัฐมนตรี (มติ ครม.) อนุมัติการเปิดประมูลเมกะโปรเจ็กต์สารพัดรูปแบบ "รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส" กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเอสซีจี จัดเวทีพบสื่อ ให้สัมภาษณ์มุมมองไตรมาส 1/59 ที่เพิ่งผ่านพ้น ตลอดจนแนวโน้มความต้องการใช้ปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในช่วง 8-9 เดือนที่เหลือของปีนี้
- ตลาดวัสดุก่อสร้าง Q1
โอกาสการเติบโตของตลาดวัสดุก่อสร้าง ปัจจัยหลักสำคัญ คือ ความสามารถในการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานว่าจะสามารถกระตุ้นให้ออกมาเป็นรูปธรรมได้มากน้อยเพียงใดสำหรับตลาดปูนซีเมนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เห็นแนวโน้มที่ดีมีอัตราเติบโตประมาณ5%ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการใช้ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมามีตัวเลขสูงกว่าปกติเหตุผลอาจเป็นเพราะในเดือนเม.ย.มีวันหยุดยาวทำให้ต้องเร่งก่อสร้างก็เลยเร่งให้มีการใช้ไปด้วย
สถานการณ์ปัจจุบันกำลังผลิตปูนซีเมนต์ของผู้ผลิตทุกรายในประเทศรวมกัน60 ล้านตัน/ปี ป้อนความต้องการใช้ในประเทศ 40 ล้านตัน ส่งออก 10 ล้านตัน เท่ากับมีกำลังการผลิตเหลืออีก 10 ล้านตัน
ในส่วนของเอสซีจี กำลังผลิตปูนจากฐานผลิตในประเทศมี 25 ล้านตัน/ปี ดีมานด์ในประเทศยังไม่ฟื้นตัวจึงต้องส่งออก 2 ล้านตัน ขณะเดียวกันมีฐานผลิตในอาเซียน 3 ประเทศ คือ กัมพูชา อินโดนีเซีย และเมียนมา กำลังผลิตรวมกัน 6 ล้านตัน มีแนวโน้มการเติบโตและให้ผลคุ้มค่าการลงทุนในระดับน่าพอใจ ซึ่งรายได้จากธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างมีสัดส่วน 39% ของรายได้รวม และมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง คิดเป็นมูลค่า 45,880 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตลาดปูน มี 3 กลุ่มหลัก มาจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัยมากที่สุด 50% รองลงมาเป็นงานโครงการของรัฐ 30% และใช้ก่อสร้างโครงการเชิงพาณิชย์ อาทิ อาคารสำนักงาน คอมมิวนิตี้มอลล์ ศูนย์การค้า โกดัง อีก 20%
วิเคราะห์แต่ละตลาดพบว่า ยอดการใช้ที่เติบโตมากที่สุดในไตรมาส 1/59 มาจากโครงการรัฐ บวกถึง 20% เทียบกับตลาดที่อยู่อาศัยมียอดติดลบ 2% แต่ก็ยังเป็นตลาดใหญ่ที่สุดอยู่ และโครงการเชิงพาณิชย์ยอดการใช้ทรงตัว
ราคาปูนจะปรับขึ้นไหม ?
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาตลาดปูนจะมีความต้องการใช้งานเพิ่มขึ้น แต่การแข่งขันถือว่าค่อนข้างรุนแรง ทั้งจากบริษัทในประเทศและในส่วนของผู้ผลิตจากจีนที่เข้ามาแข่งขันมากขึ้นด้วย ส่งผลให้ราคาปูนลดลง 1% ด้วยซ้ำไปเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มองว่าจะยังไม่ปรับราคาขึ้น เพราะว่าแม้แนวโน้มโครงการภาครัฐจะเริ่มประมูลและลงมือก่อสร้างก็จะไม่กระทบต่อราคาปูนที่จะต้องปรับขึ้นในปีนี้เพราะยังมีกำลังผลิตเหลือ10ล้านตันทำให้ไม่มีปัญหาขาดแคลนแต่อย่างใด
สำหรับวัสดุก่อสร้างตัวอื่นยอดขายไตรมาส1/59ก็ไม่ได้เติบโตปัจจัยหลักคือตลาดหลักจากโครงการที่อยู่อาศัยยังติดลบอยู่ทำให้ความต้องการวัสดุตัวอื่นไม่เติบโตตามไปด้วยเช่นกระเบื้องเซรามิก ติดลบ -5% ผนังและหลังคายังไม่เห็นมีการเติบโต |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 07-05-2559
|
|
|
|
|