| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 92 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 05-05-2559    อ่าน 1180
 ปฏิบัติการปรับโครงสร้าง "ณุศาศิริ" จับมือ "ฝรั่ง-สิงคโปร์" ดูดลูกค้าเศรษฐีเออีซี

แผนธุรกิจที่คุ้นหน้าคุ้นตาของค่าย "ณุศาศิริ" ดูเหมือนจะต้องรวมปฏิบัติการปรับโครงสร้างองค์กรเข้าไปด้วย เพราะแทบจะประกาศแผนปรับโครงสร้างกันทุกปีก็ว่าได้

ดึงผู้บริหารสิงคโปร์บุกเออีซี

ล่าสุด "วิษณุ เทพเจริญ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) เพิ่งแถลงปรับโครงสร้างองค์กร (อีกแล้ว) ในปีนี้ โดยดึงผู้บริหารชาวสิงคโปร์ 2 คนเข้ามารั้งตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ควบคุมด้านการพัฒนาโครงการ การตลาด การก่อสร้าง และพัฒนาบุคลากรโดยหวังผลผู้บริหารใหม่ชาวสิงคโปร์จะทำให้ณุศาศิริสามารถ "โกอินเตอร์" เพราะปัจจุบันสัดส่วนของผู้ซื้อต่างชาติ เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์มีอยู่ 10% เศษเท่านั้นจากการขายโครงการผ่านเอเย่นต์ หลังจากนี้ การปรับองค์กรใหม่คาดหวังบริษัทสามารถสร้างยอดขายจากต่างประเทศได้ดีขึ้น เป้าหมายต้องการให้แตะ 49% ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดที่กฎหมายอนุญาตให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ในอาคารชุด

"วิษณุ" กล่าวว่า การปรับตัวครั้งนี้เนื่องจากเห็นโอกาสหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทำให้การขายไม่ควรหยุดแค่ในประเทศไทย บริษัทมีแผนจัดโรดโชว์ในช่วงไตรมาส 3-4/59 ในต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย และเมียนมา หากไปได้ดีอนาคตอาจออกไปลงทุนต่างประเทศด้วย ในลักษณะเข้าซื้อโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว

ในระหว่างนี้แม้จะยังไม่มีการขายหุ้นให้กับกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ แต่ "วิษณุ" แย้มว่ามีบริษัทเข้ามาติดต่อขอร่วมทุนกับณุศาศิริอยู่ตลอด จึงมีความเป็นไปได้ที่อาจจะร่วมทุนกับบริษัทอื่นเป็นรายโครงการหากข้อเสนอน่าพึงพอใจ

นับว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของค่ายณุศาศิริในการปรับโครงสร้างองค์กร หลังจากบริษัทผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายครั้ง

รีแบรนด์จาก "อั่งเปา แอสเสท"

ย้อนประวัติ บมจ.ณุศาศิริไปถึงสมัยบริษัท ไทยเกรียง กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทสิ่งทอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 และการประท้วงของพนักงาน ทำให้ประสบภาวะขาดทุนจนหยุดดำเนินกิจการในปี 2549 จนกระทั่งปี 2552 ไทยเกรียง กรุ๊ปจับมือกับบริษัท ณุศาศิริ แกรนด์ จำกัด และบริษัท เคเอ็มพี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ของตระกูลเทพเจริญ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินจาก จ.อุดรธานี ขยับขยายเข้ามาพัฒนาโครงการโซนพระราม 2 และ ถ.สุขุมวิท กรุงเทพฯ ใช้แบรนด์ "ณุศาศิริ-บ้านกฤษณา" ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวระดับกลาง-บน

โดยไทยเกรียง กรุ๊ปต้องการพลิกฟื้นสถานะบริษัทผ่านการแตกไลน์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แทน ส่วนทางกลุ่มณุศาศิริต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อผลประโยชน์ลงตัว ดังนั้น จึงมีการขายทรัพย์สินของณุศาศิริ แกรนด์ และเคเอ็มพีฯ 5 โครงการให้ไทยเกรียง กรุ๊ป

ตอนนั้นไทยเกรียง กรุ๊ปนอกจากชำระค่าทรัพย์สินเป็นเงินสด 1,500 ล้านบาทแล้ว ได้ออกหุ้นเพิ่มทุนให้กลุ่มณุศาศิริอีก 1,157 ล้านบาท ทำให้ตระกูลเทพเจริญเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยเกรียง กรุ๊ป เท่ากับเป็นการเข้าไปเป็นบริษัทจดทะเบียนทางอ้อม (Backdoor Listing) และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) พร้อมเปลี่ยนหมวดจากสิ่งทอเป็นอสังหาริมทรัพย์

สาเหตุที่เปลี่ยนชื่อใหม่ใช้แบรนด์ "อั่งเปา แอสเสท" เพราะมองว่าน่าจะทำให้นักลงทุนหุ้นชาวเอเชียเข้าถึงง่ายขึ้น

การเปลี่ยนมือครั้งนั้นทำให้บริษัทกลับมาทำกำไรในปี 2553 ต่อมาในปี 2555 บริษัทเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็นบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) ให้เหตุผลว่าเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคจดจำได้อยู่แล้ว

เบนเข็มเจาะลูกค้านักลงทุน

ส่วนการพัฒนาโครงการต่อ ๆ มาของณุศาศิริ เริ่มขยายไปสู่ตลาดคอนโดฯเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัพ เอกมัย, พาร์ค เอ็กโซ เกษตร-นวมินทร์ รวมทั้งเริ่มขยายลงทุนออกสู่ต่างจังหวัด เช่น โครงการบ้านเดี่ยว ณุศา ชีวานี พัทยา จ.ชลบุรี และมาย โอโซน เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

แนวทางบริหารช่วงปี 2558-59 "ศิริญา เทพเจริญ" รองซีอีโอกล่าวว่า เน้นเรื่องสุขภาพโดยบริษัทมีพาร์ตเนอร์ คือ พานาซี เมดิคอล เซ็นเตอร์ เข้ามาตั้งแต่ปี 2558 เพื่อบริหารมาย โอโซน เขาใหญ่ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

โดยปีนี้มีพาร์ตเนอร์เพิ่มอีกบริษัทจากกลุ่มเมอเวนพิค (Movenpick) เชนโรงแรมสวิสฯ รับผิดชอบบริหารโรงแรมและอพาร์ตเมนต์ 3 โครงการ คือ อัพ เอกมัย, มาย โอโซน เขาใหญ่ และณุศา ศรีราชา ทำให้เสริมศักยภาพการทำตลาดกลุ่มนักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่าเพิ่มขึ้นมา

การลงทุนที่จะเกิดขึ้นหลังปรับองค์กรในปี 2559 เตรียมขยายเฟสต่อเนื่องใน 3 โครงการ คือ ณุศาศิริ พระราม 2 มูลค่า 1,000 ล้านบาท, มาย โอโซน เขาใหญ่ มูลค่า 2,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่ยังเหลือพื้นที่พัฒนาอีก 70% จากที่ดิน 1,300 ไร่ และคอนโดฯณุศา ศรีราชา มูลค่า 2,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน โครงการคอนโดฯ จ.ภูเก็ต มูลค่า 1,000 ล้านบาท และคอนโดฯ จ.เชียงใหม่ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ยังคงชะลอแผนต่อเนื่องจากปลายปีก่อน เพราะติดปัญหาการออกแบบและยื่นขอรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)


ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เหตุผลที่ชะลอโครงการทางณุศาศิริอาจกำลังรอข้อเสนอที่น่าพอใจอยู่ก็เป็นได้
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ  ] วันที่ 05-05-2559 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.