Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
"เจ.ดี.พูลส์"รุกสระว่ายน้ำไซซ์เล็กบ้าน5-7ลบ.ตั้งเป้าโกยพันล้าน |
|
"เจ.ดี.พูลส์" มองตลาดสระว่ายน้ำประดับบ้านโต 10% รับเทรนด์สุขภาพมาแรง เผยบ้านราคา 5-7 ล้านบาทบูม ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่ 10 แห่ง ปักหมุดไทยทะลุอาเซียน
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เจ.ดี.พูลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสระว่ายน้ำในบ้านพักอาศัยจากปี 2558 มีมูลค่า 4,600 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% เป็น 5,000 ล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากมีเทรนด์ที่ช่วยผลักดันยอดขาย คือ 1.ผู้ซื้อมองว่าสระว่ายน้ำมีส่วนช่วยตกแต่งทัศนียภาพในสวน ไม่ใช่แค่ออกกำลังกาย 2.เทรนด์รักสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 70 ปี การออกกำลังกายในน้ำ เช่น เดินในน้ำ ทำให้ร่างกายแข็งแรงและโอกาสบาดเจ็บน้อย จึงเป็นที่นิยมมากขึ้น
และพบว่า ในกลุ่มลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นการติดตั้งในบ้านราคาหลังละ 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่ช่วงที่ผ่านมามีลูกค้ากลุ่มใหม่ เป็นเจ้าของบ้านราคา 5-7 ล้านบาท ที่สั่งซื้อสระว่ายน้ำกันมากขึ้น โดยบริษัทมีสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของบ้านขนาดเล็ก คือ สระว่ายน้ำคอมโพสิต (สระสำเร็จรูปพร้อมติดตั้ง) ขนาด 5x2 เมตร ลึก 1.2 เมตร ราคาเริ่มต้น 4-5 แสนบาท สามารถติดตั้งในบ้านที่มีที่ดินเพียง 50 ตร.ว.ได้
ด้านเป้าหมายผลประกอบการ ปี 2559 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 830 ล้านบาท และคิดเป็น 20% จากมูลค่าตลาดรวมปีนี้ที่คาดการณ์ไว้ 5,000 ล้านบาท โดยยังเน้นกลุ่มลูกค้าเดิม คือ 80% เป็นกลุ่มบ้านพักอาศัยส่วนตัว อีก 20% เป็นกลุ่มรีสอร์ตขนาดเล็ก
และการขยายสาขาแฟรนไชส์ ปัจจุบันมีทั้งหมด 27 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 19 สาขา และต่างประเทศ 8 สาขา ได้แก่ เมียนมา (ย่างกุ้ง, เนย์ปิดอว์, มัณฑะเลย์), สปป.ลาว, เวียดนาม, อินเดีย, อียิปต์ และโมร็อกโก คาดว่าปีนี้จะสามารถขยายได้อีก 10 สาขา แบ่งเป็นภายในประเทศ ภาคใต้ 4 สาขา และภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกแห่งละ 1 สาขา ส่วนสาขาต่างประเทศคาดว่าจะมีแฟรนไชส์ที่กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
นายธนูศักดิ์กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทมีการเติบโตทั้งยอดขายและการขยายแฟรนไชส์ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระดับบน ราคาบ้านที่ติดตั้งสระว่ายน้ำ 10 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมากนัก ยังมีกำลังซื้อที่ดี แม้จะมีปัญหาภัยแล้งในตลาดต่างจังหวัด
ทั้งนี้ ตลาดสระว่ายน้ำ เจ.ดี.พูลส์ แบ่งเป็นกลุ่มตลาดต่างจังหวัดสูงสุด 75% รองลงมาเป็นตลาดกรุงเทพฯ 15% และส่งออกต่างประเทศ 10%
ส่วนกลยุทธ์หลักปีนี้คือการจำหน่ายอุปกรณ์และเทคโนโลยีสระว่ายน้ำอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ผ้าปิดสระว่ายน้ำเพื่อความปลอดภัย หุ่นยนต์ทำความสะอาดสระ สระระบบเกลือ โดยจะนำเสนอสินค้าให้ทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้จากการขยายไลน์สินค้าเหล่านี้
"เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่นำเสนอเพื่อช่วยแก้ปัญหาของลูกค้า ที่มักมองว่าการดูแลสระว่ายน้ำยุ่งยาก เช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาดอัตโนมัติ ราคาเริ่ม 4-5 หมื่นบาทต่อตัว ประหยัดค่าใช้จ่ายการดูแลสระได้ 50% เหลือ 1,500-2,500 บาท/เดือน เมื่อการดูแลง่ายขึ้นจะช่วยกระตุ้นความต้องการติดตั้งสระว่ายน้ำมากขึ้น" |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 31-03-2559
|
|
|
|
|