ซีคอนรุกตลาดบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ กรุงเทพฯ แปลงโมเดลพูลวิลล่าแข่งเพ้นท์เฮาส์ มองกำลังซื้อเศรษฐีไม่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ชูจุดขายทำเลกลางเมือง-พื้นที่ใช้สอยมากกว่าคอนโดฯ
นายปิยะ ซอโสตถิกุล
กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทซีคอน เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการ ดิ เอดิชั่น (THE EDITION) มูลค่า
300 ล้านบาท ซึ่งเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ครั้งแรกในตลาดกรุงเทพฯ
หลังจากซีคอนเคยพัฒนาบ้านตากอากาศราคา 30 ล้านบาทขึ้นไปในจ.ภูเก็ต มาแล้ว 15
โครงการ
โดยแบรนด์ดิ เอดิชั่น พัฒนาภายใต้บริษัทลูก คือ บริษัท สยามเฮ้าส์ซิ่ง
จำกัด นำร่องเพียง 4 ยูนิต แบ่งเป็น 2 ยูนิตในทำเลซ.ศูนย์วิจัย2 และอีก 2 ยูนิตที่ซ.ศูนย์วิจัย6
ย่านถ.พระราม9 แบ่งแปลงพัฒนาบนที่ดินขนาด 60-94 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 675-745 ตร.ม. เป็นบ้านเดี่ยวสูง 6
ชั้น (23 เมตร) ราคา 65-75 ล้านบาท
นายปิยะกล่าวว่า
โมเดลการพัฒนาเป็นการต่อยอดจากพูลวิลล่า มีจุดเด่นคือ 1.ทำเลที่ตั้งใจกลางเมือง อยู่ห่างจากทองหล่อ 1
กม. 2.ความเป็นส่วนตัวสูง เนื่องจากมีเพียง 2 ยูนิตในบริเวณ และไม่แชร์พื้นที่ส่วนกลาง
แต่ละหลังมีพื้นที่สีเขียวของบ้าน สระว่ายน้ำในตัว ทางเข้าบ้านแยกส่วน 3.โปร่งโล่งสบาย
พื้นที่ใช้สอยเริ่ม 675 ตร.ม. ห้องนั่งเล่นชั้น 3 เป็นแบบดับเบิ้ลวอลุ่มสูงกว่า 4 เมตร
และชั้นอื่นๆ สูง 2.8 เมตร และ 4.ใช้วัสดุคุณภาพ เช่น
หินอ่อนแท้จากอิตาลี
"เราเทียบโปรดักส์ในแง่ทำเลเป็นระดับกลางเมือง
ไม่เน้นติดรถไฟฟ้า แต่ถือว่าอยู่ใจกลาง หากเทียบเคียงกับเพ้นท์เฮาส์ระดับไฮเอนด์ราคา 50 ล้านบาทขึ้นไป
อาจมีพื้นที่ใช้สอยเพียง 200-250 ตร.ม. ซึ่งน้อยกว่าและไม่มีที่ดิน และราคาต่อตร.ม.สูงกว่า เนื่องจาก ดิ
เอดิชั่นเฉลี่ยต่อตร.ม.อยู่ที่ 1 แสนบาท แต่ห้องชุดไฮเอนด์กลางเมืองอาจสูงถึง 2 แสนบาท/ตร.ม.แล้ว"
นายปิยะกล่าวและว่า
คาดว่าโครงการจะได้รับความสนใจสามารถปิดการขายได้ใน 3-6
เดือน ขณะนี้กำลังศึกษาทำเลและที่ดินเพื่อเปิดโครงการต่อเนื่องในย่านซอยศูนย์วิจัย, สุขุมวิท, สาทร
มีงบซื้อที่ดิน 500 ล้านบาท จะคงคอนเซปต์การพัฒนาคือ ขนาดที่ดินต่อแปลงไม่เกิน 1
ไร่และพัฒนาอสังหาฯไม่เกิน 5 ยูนิตต่อแปลง
สำหรับรายละเอียดโครงการ
เป็นบ้านเดี่ยวสูง 6 ชั้น ฟังก์ชันมี 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 3-5 ที่จอดรถ มาสเตอร์เบดรูมพื้นที่ใช้สอย 40
ตร.ม.พร้อมวอล์กอินโคลเซ็ท มีลิฟต์โดยสาร บันไดหนีไฟ ห้องเมด ครัวไทย ครัวฝรั่ง สระว่ายน้ำบนชั้น 3 ขนาด
6x3 เมตร ขายแบบฟูลลี่ฟิตเต็ด โดยชุดครัวสั่งทำพิเศษจาก Poggenpohl
ประเทศเยอรมนี
นายปิยะกล่าวว่า ตลาดที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ราคา 50
ล้านบาทขึ้นไปในกรุงเทพฯ ขณะนี้มีประมาณ 500 ยูนิต แบ่งเป็นแนวราบ 50% และแนวสูง 50%
โดยมีแนวโน้มกำลังซื้อยังดีต่อเนื่อง
เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา
สังเกตได้จากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ใช้เงินสดถึง 80%
ของกลุ่มผู้ซื้อ
ส่วนแบรนด์ ดิ เอสเตท ศรีนครินทร์ (THE ESTATE)
ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวตลาดกลางราคาประมาณ 6 ล้านบาท จำนวนกว่า 100 ยูนิต ปิดการขายแล้วเมื่อต้นปี′59
และยังไม่มีแผนพัฒนาเพิ่มเติมเพราะเห็นว่าตลาดระดับดังกล่าวยังค่อนข้างซบเซา
ทั้งนี้
กลุ่มบริษัทซีคอนมีรายได้ปีละกว่า 8,000 ล้านบาท จากธุรกิจหลายประเภท เช่น รองเท้า, ผงชูรส,
ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์, โรงแรมเรเนซอง ภูเก็ต, รับสร้างบ้าน
และอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย