โดย "ทล.-กรมทางหลวง"
เจ้าของโครงการได้เริ่มลงมือก่อสร้างตั้งแต่ 2556 จนแล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา
เป็นการขยายช่องทางการจราจรถนนเดิมจาก 2 ช่องจราจร เป็นขนาด 4 ช่องจราจร มีระยะทาง 104 กิโลเมตร
ใช้เงินก่อสร้างประมาณ 3,386.52 ล้านบาท แยกเป็นเงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) จำนวน 1,650
ล้านบาทและงบประมาณแผ่นดิน จำนวน 1,650 ล้านบาท

แบ่งการก่อสร้างเป็น 5 ตอน
โดยงานตอนที่ 1 ระยะทาง 30.11 กิโลเมตร วงเงิน 617.80 ล้านบาท
มีกลุ่มกิจการร่วมค้าบีซีเค-พีเอ็นทีเป็นผู้ก่อสร้าง

ตอนที่ 2 ระยะทาง 24 กิโลเมตร
วงเงิน 718.64 ล้านบาท มีกลุ่มกิจการร่วมค้าเคอาร์ซี-เอสเควาย เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง

ตอนที่ 3 ระยะทาง 18.30 กิโลเมตร วงเงิน 656.69 ล้านบาท มี บมจ.คริสเตียนีและนีลเส็น
เป็นผู้ก่อสร้าง

ตอนที่ 4 ระยะทาง 17.7 กิโลเมตร วงเงิน 729.62 ล้านบาท มีบริษัท
ไทยวัฒน์วิศวการทาง จำกัดเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง

และตอนที่ 5 ระยะทาง 14.15 กิโลเมตร
วงเงิน 663.76 ล้านบาท มีบริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง


นอกจากถนนสายนี้จะเป็นเส้นทางเชื่อมการค้าในแนวระเบียงเศรษฐกิจแล้ว
ยังเป็นเส้นทางที่เปิดการท่องเที่ยวของไทยให้คึกคักขึ้น เพราะตลอดเส้นทางนอกจากสภาพถนนที่สวยงาม
มีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น

ยังมีแหล่งท่องเที่ยวกระจายอยู่ตลอดเส้นทาง
(ดูแผนที่) ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกสกุโณทยานและสวนพฤกษศาสตร์ น้ำตกปอยและสวนป่าเขากระยาง
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง และจุดชมทิวทัศน์บริเวณดอยม้ง

และเพราะความสวยงามของถนนสายนี้ ทำให้วันเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ
กรมทางหลวงจึงได้จับมือจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดกิจกรรม "Highway Bike On Route12" ระยะทาง 42 กิโลเมตร

โดยเป็นการจัดแข่งขันปั่นจักรยานวัดใจ
ท้าทายสิงห์นักปั่นทั่วประเทศมาทดสอบและพิชิตความชันของถนนบริเวณ "ดอยม้ง"
ที่ว่ากันว่าเป็นจุดเสียวสุดของถนนสายนี้

เป็นการโปรโมตทางสวยมีระดับและดึงดูดคนมาท่องเที่ยว ชมวิวที่ใครหลาย ๆ
คนขนานนามว่า "สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย" อีกทั้งยังเป็นการสำรวจความสมบูรณ์ของเส้นทางเชื่อมไทยสู่อาเซียน
ไปพร้อม ๆ กัน