|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ปี′59อสังหาจับสัญญาณ ยอดพรีเซลแดงโร่-ปรับกลยุทธ์ชะลอโครงการ-จับลูกค้าเศรษฐี |
|
จับสัญญาณยอดพรีเซล 10 บริษัทอสังหาฯ ปี′58 เผยตัวเลขแดงเกือบทั้งกระดานจากสารพัดปัจจัยลบ ทั้งเศรษฐกิจแผ่ว-ผู้บริโภคหมดมู้ดช็อปบ้าน-คอนโดฯ ปีวอกงัดกลยุทธ์ประคองตัว หันปรับโครงสร้างองค์กร-เบนเข็มไล่ล่าลูกค้าเศรษฐี-เจาะตลาดนิชมาร์เก็ตมากขึ้น ชี้ปีนี้ฝากความหวังรัฐต้องเร่งลงทุนเมกะโปรเจ็กต์เป็นรูปธรรมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจความเคลื่อนไหวผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 10 บริษัทที่ประกาศแผนลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ พบว่าทุกรายมองแนวโน้มปัจจัยบวกต้องลุ้นให้รัฐบาลเร่งลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ 1.79 ล้านล้านบาทให้ได้ในปีนี้ จึงจะเป็นโอกาสขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้นมาได้ ในขณะที่ผลประกอบการปี 2558 ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ยอดพรีเซลหลุดเป้า นำไปสู่การปรับกลยุทธ์ขนานใหญ่เพื่อประคองตัวในปีนี้
ยอดพรีเซลแดงทั้งกระดาน
รายละเอียดการสำรวจยอดพรีเซล10รายในปี 2558 ประกอบด้วย บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.แสนสิริ, บมจ.เอพี (ไทยแลนด์), บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, บมจ.ศุภาลัย, บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ และ บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง พบว่า 8 ใน 10 บริษัทสร้างยอดพรีเซลและการเปิดโครงการไม่ได้ตามเป้าหมาย มีเพียงอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ที่ยอดขายเกินเป้า 13% และศุภาลัยได้ตามเป้า
ทั้งนี้ โฟกัสรายละเอียดยอดพรีเซลต่ำกว่าเป้ามีดังนี้ ค่ายแลนด์ฯ ปีที่ผ่านมาเลื่อนเปิดตัว 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากแผนเดิมวางเป้าเปิดตัวใหม่ 17 โครงการ 3.7 หมื่นล้านบาท ทำให้ยอดพรีเซลต่ำกว่าเป้าหมาย 9,500 ล้านบาท หรือ -39% และค่ายพฤกษาฯที่เลื่อนเปิดกว่า 30 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะตุนยอดขายไปแล้ว 51% ก็ตาม แต่เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังกำลังซื้อแผ่วลง ทำให้ยอดพรีเซลทั้งปีตกเป้า 5,000 ล้านบาท หรือ -12%
ฝั่งกลุ่มผู้ประกอบการรายกลาง บริษัทลลิลฯเปิดจำนวนโครงการได้ตามเป้าที่ประกาศไว้ แต่ในแง่ยอดขายยังหลุดเป้า 500 ล้านบาท หรือ -16% รวมทั้งค่ายเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งตกเป้าใกล้เคียงกันคือ 400 ล้านบาท หรือ -13%
ปรับกลยุทธ์จับตลาดบน
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาฯปี 2559 น่าจะยังทรงตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยยังมองไม่เห็นปัจจัยบวกที่เด่นชัด ความหวังคือรัฐบาลจะต้องมีการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ให้ได้ภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้เอกชนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ที่สำคัญจะเป็นตัวจุดประกายทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาด้วย ขณะเดียวกันรัฐควรเน้นการดูแลภาคเกษตรกรรมที่เป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจประเทศ
ส่วนเซ็กเมนต์ที่แลนด์ฯจะลงทุนยังเป็นกลุ่มตลาดกลาง-บน ราคายูนิตละ 5-25 ล้านบาท ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก คิดเป็น 67% ของเป้ายอดพรีเซลปี′59 มูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นกลุ่มที่มีดีมานด์และมีโอกาสได้รับอนุมัติเงินกู้มากกว่าตลาดล่าง จุดที่ให้ความสำคัญในปีนี้คือเพิ่มน้ำหนักกลุ่มตลาดบนราคา 25 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมมีสัดส่วนรายได้ 16% ปีนี้ปรับเพิ่มเป็น 20% มาจากโครงการบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ราคา 50-80 ล้านบาท/ยูนิต จับกลุ่มลูกค้าเศรษฐีมีกำลังซื้อไม่ตกลงตามภาวะเศรษฐกิจ
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทยังโหมลงทุนต่อเนื่องจากเดิม 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็น 5.05 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ายอดพรีเซล 4.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 50% เนื่องจากมีการร่วมทุนกับบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เป็นคีย์ซักเซสหลักในการเติบโต เนื่องจากจะมีการลงทุนคอนโดฯร่วมกันกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท
ส่วนการพัฒนาโครงการใหม่เน้นสินค้าระดับมีเดียม (ห้องชุดราคา ตร.ม.ละ 8 หมื่น-2 แสนบาท, บ้านราคา 5-10 ล้านบาท) และระดับพรีเมี่ยม (ห้องชุด ตร.ม.ละ 2 แสนบาทขึ้นไป, บ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป) ที่เป็นจุดแข็งของแสนสิริ
นอกจากนี้ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าต่างชาติ จากปี′58 มียอดขายพอร์ตต่างชาติ 3,500 ล้านบาท เดิมเป็นกลุ่มคนฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ปีนี้เน้นลูกค้าชาวจีนเพิ่มขึ้น จากหัวเมืองสำคัญ คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้น กว่างโจว ตั้งเป้ายอดขายจากต่างประเทศรวม 5,000 ล้านบาท
LPN หั่นไซซ์โครงการเหลือพันยูนิต
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ฯ มองว่า ปีนี้การขายห้องชุดจะยังเป็นตลาดขาลง ดังนั้นตั้งเป้าพรีเซลปี 2559 อยู่ที่ 1.76 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน ถือว่าเป็นอัตราปกติไม่หวือหวา
ขณะเดียวกัน กลยุทธ์ใหม่ๆ ในปีนี้ มีการปรับตัวโดยหันมาพัฒนาโครงการไซซ์เล็กลงเหลือ 1,000 ยูนิต/โครงการ จากปกติพัฒนา 2,000 ยูนิต/โครงการ เพื่อให้การก่อสร้างสามารถทำได้แล้วเสร็จใน 12 เดือน ในทางธุรกิจถ้าสร้างได้เร็วก็จะทำให้ขายได้เร็วขึ้นและปิดการขายโครงการได้เร็วขึ้นตามไปด้วย
"แนวโน้มตลาดปีนี้ยังมีความผันผวนสูง คาดเดาได้ยาก บริษัทจึงต้องการลดความเสี่ยงด้านการลงทุน ป้องกันไม่ให้เงินจมกับโครงการใดโครงการหนึ่งมากเกินไป ผลพลอยได้ทำให้บริษัทสามารถบริหารกระแสเงินสดในมือได้คล่องตัวขึ้น เพราะจะหมุนรอบเงินลงทุนได้เร็วขึ้น และปี 2560 บริษัทมีแบ็กล็อกที่จะสร้างเสร็จเพียง 1 โครงการ 1,000 ล้านบาท จึงต้องสร้างแบ็กล็อกเพิ่มสำหรับปีหน้า" นายโอภาสกล่าว
รายกลางฉีกสินค้า-รื้อภายใน
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง กล่าวว่า ปีนี้ยังคงตั้งเป้าพรีเซล 2,600 ล้านบาท เท่ากับปีที่แล้ว เพราะเห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังไม่แน่นอนเหมือนภาวะตลาดในปี 2558 จึงตัดสินใจไม่ทำแผนธุรกิจให้มีอัตราเติบโต โดยกลยุทธ์การแข่งขันปีนี้เน้นการพัฒนาสินค้าเจาะตลาดใหม่กลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุ ล่าสุดเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ "เดอะ ฌาม" วงแหวน-ลำลูกกา มูลค่า 1,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวกว่า 200 ยูนิต บนที่ดิน 60-100 ตร.ว. ติดตั้งเทคโนโลยี Smart Eco Care ของเอสซีจี ช่วยหมุนเวียนอากาศบริสุทธิ์และใช้วัสดุเพื่อผู้สูงวัย
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ลลิลฯมองทิศทางเศรษฐกิจปี"59 น่าจะเติบโตได้ไม่มากเพราะไทยพึ่งพิงการส่งออกเป็นหลัก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ดังนั้นจึงตั้งเป้ายอดพรีเซล 2,800 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ตั้งเป้าไว้ 2,600 ล้านบาท โดยถือโอกาสกลับมาเน้นปรับปรุงโครงสร้างการบริหารภายในองค์กร ทั้งการควบคุมค่าใช้จ่าย พัฒนาบุคลากร และระบบไอที เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในอนาคต |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-02-2559
|
|
|
|
|
