|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| แลนด์-แสนสิริ คนละมุมมอง ตลาดจีน "วิกฤต" หรือ "โอกาส" |
|
เทศกาลแถลงผลประกอบการพร้อมกับแผนลงทุนปีใหม่ พี่ใหญ่วงการอสังหาริมทรัพย์ "แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" โดย "นพร สุนทรจิตต์เจริญ" เอ็มดีของบริษัท ระบุผลประกอบการปี 2558 เปิดตัวใหม่ 9 แห่ง มูลค่ารวม 26,940 ล้านบาท ทั้งนี้ มีการชะลอเปิดบ้านและคอนโดมิเนียม 8 โครงการรวด โดยการชะลอคอนโดฯเกิดจากปัญหาการขออนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) บวกกับสภาพตลาดค่อนข้างซบเซา มียอดพรีเซล 2.45 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปี 2557 ประมาณ 21.6%
รอ รอ รอ รัฐลงทุน
สำหรับปีนี้มีแผนลงทุน 14 โครงการ มูลค่ารวม 23,500 ล้านบาท แบ่งเป็นใน กทม. 9 โครงการ ต่างจังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา อุดรธานี เชียงใหม่ 5 โครงการ หากแบ่งตามประเภทสินค้า เป็นแนวราบ 9 โครงการ แนวสูง 5 โครงการ ส่วนใหญ่เปิดตัวไตรมาส 2/59 และ 4/59 ด้านยอดขายและยอดรับรู้รายได้ ตั้งเป้าอย่างละ 2.8 หมื่นล้านบาทเท่ากัน โดยมีแบ็กล็อก (ยอดขายรอโอน) ในปีนี้ 7,000 ล้านบาท
นายนพรกล่าวว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ปีนี้ยังไม่เห็นปัจจัยที่เด่นชัด จึงไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าจีดีพีปีนี้เติบโตได้ 3% ถือว่าดีที่สุดแล้ว นอกจากรัฐบาลจะมีการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ให้ได้ ซึ่งจะทำให้เอกชนมั่นใจ และทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับมา รวมถึงดูแลการเกษตรที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศ
การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ "นพร" ให้ข้อมูลว่า อยู่ระหว่างเจรจาซื้ออพาร์ตเมนต์มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐในซานฟรานซิสโก พร้อมเตรียมงบฯบูรณะตกแต่งอาคารอีก 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นอาคารที่ 4 ที่แลนด์ฯ เทกโอเวอร์ในสหรัฐอเมริกา และได้ขายอพาร์ตเมนต์แห่งแรกแล้วในราคา 18 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำกำไร 6 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากลงทุนไปแล้ว 3 ปี
ส่วนการลงทุนในประเทศจีน มองว่ายังไม่ใช่จังหวะเหมาะที่จะเข้าลงทุน จากสภาพเศรษฐกิจจีนแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง เท่ากับเป็นการตอบคำถามกลาย ๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้ในงานแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตร The Next Real ร่วมกับมหาวิทยาลัยชินวัตร ทาง "อนันต์ อัศวโภคิน" ซีอีโอแลนด์ฯ เพิ่งเปิดปากว่าสนใจจะเข้าไปลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ เพียงแต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะเป็นอสังหาฯ ประเภทใด
แสนสิริปลื้มร่วมทุนบีทีเอส
บิ๊กแบรนด์อีกค่าย "เศรษฐา ทวีสิน" กรรมการผู้จัดการใหญ่ของแสนสิริ กล่าวว่า แสนสิริสะดุดปัญหาอีไอเอเช่นเดียวกัน ทำให้ต้องเลื่อนเปิดตัวคอนโดฯ 5-6 โครงการในปีที่แล้ว โดยผลงานปี"58 จบที่การเปิดตัวใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 4 โครงการ แนวราบ 7 โครงการ
สตอรี่ใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเป็นการร่วมทุนกับบีทีเอสกรุ๊ปพัฒนาคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้า วันนี้แสนสิริบอกว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เทียบกับปี"57 บริษัทมียอดพรีเซล 8,847 ล้านบาท สถิติปี"58 ก้าวกระโดดเป็น 28,512 ล้านบาท จากการเปิดขายคอนโดฯ "เดอะ ไลน์" 3 โครงการ มูลค่ารวม 10,600 ล้านบาทซึ่งปิดการขายแล้วทั้งหมด แม้ว่ายอดขายยังต่ำกว่าเป้า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนรายได้คาดการณ์ไม่ต่ำกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท
ไฮไลต์ของแสนสิริอยู่ที่แผนลงทุนปีนี้ เตรียมเปิดตัวใหม่ 21 โครงการ มูลค่ารวม 5.05 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 10 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 15,400 ล้านบาท คอนโดฯ 11 โครงการ อีก 35,100 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นคอนโดฯ ร่วมทุนกับบีทีเอส 6 โครงการ มูลค่ารวม 22,600 ล้านบาท ส่วนต่างจังหวัด จะลงทุนบ้านเดี่ยวใน จ.ภูเก็ต-อุดรธานี และดีคอนโด ซายน์ เชียงใหม่ เฟส 2
โดยตั้งเป้ายอดขาย 4.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 50% จากปี"58 เป้ายอดรับรู้รายได้ 3.6 หมื่นล้านบาทใกล้เคียงปีก่อน คีย์ซักเซสฝากความหวังไว้กับ 1.จอยต์เวนเจอร์กับบีทีเอส 6 โครงการ 2.ปรับระเบียบแบรนด์ให้น้อยลงและสะท้อนกลุ่มราคาขาย 3.เน้นสินค้าระดับมีเดียม-พรีเมี่ยม (ห้องชุดราคา ตร.ม.ละ 8 หมื่น-2 แสนบาทขึ้นไป, บ้านราคา 5-10 ล้านบาทขึ้นไปที่เป็นจุดแข็งอยู่แล้ว
วิสัยทัศน์ โก ไชน่า
ไฮไลต์อีกเรื่องก็คือ 4.เพิ่มลูกค้าต่างชาติ จากเดิมมีกลุ่มลูกค้าสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น สร้างยอดขาย 3,500 ล้านบาทเมื่อปี "58 ปีนี้จะเน้นลูกค้าชาวจีนเพิ่มขึ้น ในตลาดหัวเมืองสำคัญ คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้น กว่างโจว ตั้งเป้ายอดขายจากต่างประเทศปีนี้ 5,000 ล้านบาท
"ยอมรับว่าเศรษฐกิจจีนขณะนี้ไม่ค่อยดี แต่ถือเป็นความท้าทาย มองว่าไทยอาจเป็นตัวเลือกใหม่ในการลงทุน และประเทศจีนมีประชากรกว่า 1,200 ล้านคน แค่หัวเมืองใหญ่ของจีน เช่น เสิ่นเจิ้น ก็มีประชากร 35 ล้านคนแล้ว ถือเป็นตลาดใหญ่และมีลักษณะที่ไม่มีผู้เล่นหลักครองตลาด ในขณะที่เรามีทีมงานสร้างสัมพันธ์กับเอเย่นต์ชาวจีน ลงสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง รวมถึงการร่วมทุนกับบีทีเอสที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วในจีน ก็ทำให้เป็นฐานการสร้างชื่อเสียงของบริษัท"
วิสัยทัศน์ของแสนสิริคือ ตลาดจีนดึงลูกค้าแค่ 0.5% ของจำนวนประชากรก็เพียงพอแล้ว |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 29-01-2559
|
|
|
|
|
