|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| LPNโชว์เก๋าเร่งยอดโอนห้องชุด เป้า1หมื่นล้านรับ"มาตรการรัฐ" |
|
LPN ตั้งเป้าโอนห้องชุด 1 หมื่นล้าน ก่อนหมดมาตรการเว้นค่าโอน-จดจำนอง 28 เม.ย.นี้ แผนบริษัทปี′59 เปิด 10 โครงการ 2 หมื่นยูนิต เป้าพรีเซล 1.76 หมื่นล้านบาท ด้านผลประกอบการปี′58 ตกเป้าเล็กน้อย ทำยอดขาย 1.55 หมื่นล้านบาท แต่ยังโต 30%
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลโดยลดค่าโอนและจดจำนองเหลืออย่างละ 0.01% จากปกติมีค่าธรรมเนียมการโอน 2% กับค่าจดจำนองอีก 1% รวมเป็น 3% โดยมีกำหนดมาตรการให้ถึง 28 เม.ย.นี้ บริษัทมีนโยบายเร่งรัดการโอนกรรมสิทธิ์มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ให้ทันรองรับมาตรการรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 60% ของแบ็กล็อก (ยอดขายรอโอน) ที่มีกำหนดสร้างเสร็จพร้อมโอนในปีนี้
แบ่งเป็น 1.การโอนกรรมสิทธิ์โครงการสร้างเสร็จใหม่ 9,000 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการไฮไลต์ซึ่งคนในวงการจับตามองมากที่สุด คือ เดอะ ลุมพินี 24 อยู่ในซอยสุขุมวิท 24 เป็นโครงการระดับซูเปอร์ลักเซอรี่ของบริษัท มูลค่า 3,100 ล้านบาท มีกำหนดสร้างเสร็จและเริ่มโอนปลายเดือน มี.ค.นี้เป็นต้นไป 2.การขายและโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ พร้อมอยู่ 1,000 ล้านบาท มาจากสต๊อกที่มีในมือทั้งหมด 5,000 ล้านบาท กระจายทำเลอยู่ในเขตกรุงเทพฯ, พัทยา, ชลบุรี และอุดรธานี
"ตลาดคอนโดฯยังอยู่ในช่วงขาลง ดูจากปีก่อนที่ยอดขายคอนโดฯและจำนวนยูนิตเปิดตัวลดลง แต่ปี′59 เราเปิดมาด้วยความหวัง เพราะมีมาตรการรัฐอยู่อีก 4 เดือน เชื่อว่าทุกบริษัทจะนำคอนโดฯสร้างเสร็จออกมาจัดแคมเปญเพื่อระบายสต๊อก ถ้าหากได้ผลตอบรับที่ดี การเปิดคอนโดฯใหม่น่าจะคึกคักขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3-4 โดยยูนิตเปิดตัวใหม่อาจเพิ่มเป็น 8 หมื่นยูนิต/ปี จากปีก่อนที่ลดลงเหลือ 6 หมื่นยูนิต" นายโอภาสกล่าวและว่า
แผนธุรกิจปี 2559 เตรียมเปิดตัวใหม่ 10 โครงการ รวม 2 หมื่นยูนิต มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท โดยมี 2 โครงการที่เลื่อนการเปิดตัวมาจากปี 2558 ได้แก่ ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก มูลค่า 1,000 ล้านบาท กับลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 เฟส 2 มูลค่า 3,000-3,500 ล้านบาท
สำหรับ 8 โครงการใหม่บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกแปลงที่ดิน เน้นกลยุทธ์พัฒนาโครงการไซซ์เล็กลง 1,000 ยูนิต/โครงการ จากปกติพัฒนา 2,000 ยูนิต/โครงการ เพื่อให้รอบการขายและก่อสร้างเร็วขึ้น เนื่องจากธุรกิจอยู่ในเทรนด์ขาลง ประกอบกับในปี 2560 บริษัทมีแบ็กล็อกที่จะสร้างเสร็จเพียง 1 โครงการ 1,000 ล้านบาท จึงต้องสร้างแบ็กล็อกเพิ่มเติม
ส่วนการตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 1.76 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปี"58 กว่า 10% เป็นอัตราการเติบโตปกติของบริษัท และตั้งเป้ารับรู้รายได้ 1.76 หมื่นล้านบาทเช่นกัน
นายโอภาสกล่าวว่า ผลประกอบการปี 2558 ยอดพรีเซลทั้งปี 1.55 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1.6 หมื่นล้านบาทเล็กน้อย แต่ยังเติบโตจากปี 2557 กว่า 30% โดยสรุปการเปิดโครงการปีที่แล้วมีทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 14-01-2559
|
|
|
|
|
