Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
"เอสซีจี-เอพี" ชี้ เศรษฐกิจไทยปี2559 ยังเหนื่อย ! |
|
เวียนมาทุกปีสำหรับงานเสวนาสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีนี้ "ประชาชาติธุรกิจ" เก็บตกจากเวที "มองเศรษฐกิจ สังคมไทย ในปี 2016" โดยมี "รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส" ว่าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และ "อนุพงษ์ อัศวโภคิน" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เป็นหนึ่งในกลุ่มวิทยากร
"รุ่งโรจน์" คาดการณ์สภาพเศรษฐกิจปี 2559 น่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ 3.3-3.4 ล้านล้านบาท ซึ่งอาจจะขับเคลื่อนไม่ได้มาก แต่ผลระยะยาวคือการลงทุนของภาคเอกชนที่เชื่อว่าจะตามมามากกว่าภาครัฐได้ 3-6 เท่า ในระยะ 8-10 ปี อีกข้อหนึ่งคือการค้าชายแดน ซึ่งนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐถือว่าเดินมาถูกทาง เพราะไทยมีโอกาสได้เป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค และประเทศเพื่อนบ้านทั้งกัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม เมียนมา กำลังเติบโต
ส่วนปัจจัยลบที่มองว่าภาครัฐควรแก้ไขโดยด่วนคือภัยแล้ง เพราะน้ำเป็นทรัพยากรสำคัญทั้งการเกษตร อุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน เอสซีจีมีความกังวลเรื่องการบริหารจัดการน้ำ และได้ศึกษาการแก้ไขที่แนะนำว่ารัฐสามารถทำได้เร็ว เช่น ต่อท่อเชื่อมอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก-กลางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เจรจาขอผันน้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน
รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส (ซ้าย ) เเละอนุพงษ์ อัศวโภคิน (ขวา)
ย้อนมองธุรกิจหลักของเอสซีจี "รุ่งโรจน์" สรุปตลาดปี′58 ของ 3 เสาหลัก คือ 1) ซีเมนต์-วัสดุก่อสร้าง ช่วง 9 เดือนปี 2558 ติดลบ 0.5% ดีขึ้นจากปีก่อนที่ติดลบ 1% คาดว่าช่วงไตรมาส 4/58 จนถึงปี′59 น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากการลงทุนของรัฐ จะทำให้การใช้ซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น 2-3% ต่อปี ในระยะ 8-10 ปี แต่ปัจจัยลบสำหรับธุรกิจซีเมนต์ คือ ภาวะโอเวอร์ซัพพลายในภูมิภาค ไทยเองมีซีเมนต์ล้นตลาด 20 ล้านตัน, อินโดนีเซียล้น 45 ล้านตัน และเวียดนามล้น 50 ล้านตัน ทำให้การแข่งขันส่งออกรุนแรง
2) เคมิคอล ปี′58 เติบโต 3% เพิ่มจากปีก่อนที่โต 2% อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น เนื่องจากการใช้สินค้าอุปโภคบริโภคยังไปได้ 3) แพ็กเกจจิ้ง ปี"58 เติบโต 1% ลดจากปีก่อนที่โต 2% ถือว่าค่อนข้างต่ำ เป็นผลจากเซ็กเตอร์การส่งออกถดถอย และการย้ายฐานผลิตของโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้การใช้กระดาษลดลง
มาที่ "อนุพงษ์ อัศวโภคิน" บอสใหญ่ค่ายเอพี สรุปคร่าว ๆ ว่า จีดีพีประเทศน่าจะโต 3-4% ดีขึ้นจากปีนี้เล็กน้อย ถือว่าไม่พุ่งแรงมากเพราะยังมีปัจจัยเสี่ยง ซึ่งภาคอสังหาฯจะเติบโตหรือไม่ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโดยรวม
ลงลึกในภาคอสังหาฯ ปัจจัยบวกที่จะได้คือการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วง เพราะเป็นรถไฟฟ้าเส้นใหม่ในรอบหลายปี เมื่อเปิดเดินรถจริงจะทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่น น่าจะลงทุนซื้อห้องชุดมากขึ้น และมีแรงผลักจากรถไฟฟ้าสายที่มีในปัจจุบัน ราคาห้องชุดขึ้นไปถึง 1.2-4 แสนบาท/ตร.ม. ทำให้ผู้ซื้อขยับมาเลือกซื้อในรถไฟฟ้าสายใหม่แทน รวมถึงอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯจะยังมีไปถึงสิ้นปี"59 ซึ่งสร้างความคึกคักให้กับตลาด ยกตัวอย่างเอพีมีลูกค้าเยี่ยมชมโครงการเพิ่ม 30% จากเดือน ก.ย. 58
ประการต่อมาคือการให้สินเชื่อพรีไฟแนนซ์ของสถาบันการเงิน มีความเข้มงวดขึ้น เป็นการลดซัพพลายในตลาดโดยปริยาย โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กที่มีส่วนแบ่งตลาด 30% ในเชิงรายได้จะลดลงต่อเนื่องถึงปีหน้า
อย่างไรก็ตาม "อนุพงษ์" กล่าวถึงความเสี่ยงของอสังหาฯปี 2559 คือถึงแม้จำนวนห้องชุดสร้างเสร็จจะลดลงจากปีนี้ 10% แต่กลับขายได้เพียง 50% งานหนักของผู้ประกอบการจึงเป็นการอัดโปรโมชั่นระบายสต๊อกเหล่านี้ โดยเฉพาะคอนโดฯตลาดล่างที่ไม่เกาะแนวรถไฟฟ้าเป็นกลุ่มที่มีปัญหาสูงสุด
อีกส่วนหนึ่งคือตลาดบน ทั้งคอนโดฯหรู ตร.ม.ละ 3-4 แสนบาท ยูนิตละ 10 ล้านบาทขึ้นไป ปีนี้การเปิดตัวโครงการเติบโต 170% ในเชิงจำนวนยูนิต และโต 280% ในเชิงมูลค่า และตลาดบ้านเดี่ยวราคา 10-20 ล้านบาท ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าคือเอสเอ็มอีที่กำลังมีปัญหาทางเศรษฐกิจเมื่อปี′58 ก็มีการเปิดตัวเพิ่มกว่า 100%
ความกังวลคือ ปี 2559 ผู้ประกอบการก็ยังเดินเกมบุกตลาดบนต่อเนื่อง เกรงว่าจะเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายในไม่ช้า ! |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 05-01-2559
|
|
|
|
|