| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 137 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 02-12-2558    อ่าน 1253
  บิ๊กแลนด์&เฮ้าส์ มองเศรษฐกิจปี"59 "ขึ้นอยู่กับยารักษาของรัฐบาล"

สัมภาษณ์

แม้ขณะนี้จะไม่ใช่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ทำรายได้อันดับหนึ่งของวงการ แต่กำไรสุทธิยังคงสูงสุด "บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" พี่ใหญ่วงการอสังหาฯ ขยับตัวปรับกลยุทธ์หรือมองทิศทางตลาดอย่างไรย่อมมีคนจับตา วันนี้ "ประชาชาติธุรกิจ" คุยกับ "นพร สุนทรจิตต์เจริญ" กรรมการผู้จัดการ ค่ายแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ถึงโค้งสุดท้ายปลายปี 2558 จะเป็นไปตามคาดหรือไม่ และปีหน้าสัญญาณเศรษฐกิจจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง

- พรีเซลและรายได้ปีนี้

รายได้ปีนี้สะสม 9 เดือน ประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจนถึงสิ้นปีน่าจะได้พอ ๆ กับปีก่อนคือ 3.4 หมื่นล้านบาท เพราะต้องยอมรับว่าสภาพเศรษฐกิจ 3 ไตรมาสแรกค่อนข้างทำได้ไม่ดี

ด้านพรีเซลที่วางเป้า 3.4 หมื่นล้านบาท ไม่น่าจะไปถึงเป้าหมายได้ เพราะสภาพเศรษฐกิจอีกเช่นกันที่ทำให้ความเชื่อมั่นผู้ซื้อต่ำลง แม้มู้ดการซื้อจะเริ่มกลับมาคึกคักช่วงไตรมาสสุดท้าย เพราะคนส่วนใหญ่เริ่มมีความหวังจากการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ก็คงไม่ได้ตามเป้าหมาย

การเปิดโครงการเองก็เลื่อนไป 8 โครงการ ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจและการยื่นขอใบอนุญาตสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ยังติดขัด โดยเป็นโครงการในต่างจังหวัด 3 แห่ง

แต่การทำกำไรสุทธิจะยังเติบโต เพราะบริษัทจะมีกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พ้อยต์ เทอร์มินอล 21 เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ LHHOTEL มูลค่าประมาณ 4 พันล้านบาท

- มองเศรษฐกิจปีหน้า

ตอบยาก ขึ้นอยู่กับยารักษาคือนโยบายรัฐจะได้ผลเมื่อไหร่ การกระตุ้นภาคธุรกิจต่าง ๆ ทั้งการท่องเที่ยวที่ยังไปได้อยู่ หรือส่วนที่ซบเซาเป็นวงจรกันไป คือ เกษตรกรรม รีเทล ยานยนต์ จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นจนนักธุรกิจกลับมาลงทุน หมุนเวียนเม็ดเงินได้หรือไม่

ส่วนสำคัญอีกอย่างคือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ถ้าหากเดินหน้าจริงจะเป็นการเปิดหน้าดินใหม่ จริง ๆ แผนที่จะทำมีมานานแล้ว แต่ต้องรอความชัดเจนของการลงทุน ถ้ารัฐบาลเคาะโต๊ะแล้วว่าลงทุนแน่นอน แม้เม็ดเงินจริงที่จะหมุนเวียนในพื้นที่นั้นอาจต้องรอการก่อสร้างอีก 5-6 ปี แต่จะเป็นผลทางจิตวิทยา สร้างความเชื่อมั่นกระตุ้นให้เอกชนมาลงทุน

- เราผ่านจุดต่ำสุดหรือยัง

น่าจะผ่านมาแล้ว จุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทยมีติดต่อกันมา 1-2 ปี ปีหน้าก็น่าจะเป็นขาขึ้นแน่นอน หากไม่มีวิกฤตอย่างกะทันหันอะไร แต่ความรวดเร็วในการฟื้นตัวจะเป็นกราฟพุ่งขึ้นในปี 2559 นั้นคงไม่ง่าย มองว่าอย่างน้อยต้องรอถึงปี 2560 ถ้าวัดจากอัตราจีดีพีประเทศ ปีนี้คาดการณ์กันว่าจะจบที่โต 2.8% ปีหน้านักเศรษฐศาสตร์ก็คาดกันว่าอาจจะโต 3.4% โดยภาพรวมแล้วน่าจะดีขึ้นเล็กน้อย

- การเติบโตภาคอสังหาฯ

ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ เพราะเป็นผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่จะมองอนาคตว่า ตนเองมีความสามารถลงทุนในที่อยู่อาศัยได้แค่ไหน ดังนั้นภาคอสังหาฯก็น่าจะทรงตัว แต่ดูแล้ว กทม.ยังแข็งแรงกว่าต่างจังหวัดซึ่งถือว่าเดือดร้อนมากทีเดียว แม้จะมีนโยบายเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่เป็นความเคลื่อนไหวที่เพิ่งเริ่มต้นในด้านงานราชการ เอกชนยังไม่ได้เข้าไปลงทุนกันอย่างชัดเจน เป็นช่วงที่ภาครัฐกำลังบอกทิศทางประเทศอยู่

- ปีหน้าของแลนด์ฯ

ยังไม่สรุปว่าจะเปิดตัวกี่โครงการ แต่จะมีคอนโดมิเนียม 3-4 แห่งใกล้เคียงปีนี้ และจะเปิดศูนย์การค้าที่เมืองพัทยา มีที่ดินแล้วขนาด 33 ไร่ บริเวณวงเวียนปลาโลมา จะเป็นมิกซ์ยูสแบบเดียวกับเทอร์มินอล 21 ทั้งห้างสรรพสินค้าและโรงแรมในโครงการเดียวกัน มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ขณะนี้กำลังออกแบบและขอใบอนุญาตสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะเริ่มสร้างได้ต้นปีหน้า ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ  ] วันที่ 02-12-2558 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.