Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
SCGเพิ่มน้ำหนักอาเซียนตลาดปูนโต3-43% |
|
เอสซีจีชี้ดีมานด์ปูนอาเซียนโตแรง 3-43% สวนทางตลาดไทย รวม 9 เดือนรายได้7.48 หมื่นล้าน เดินเครื่องโรงงานปูนอินโดฯ เล็งเทกโอเวอร์แห่งที่สอง ปรับเป้ารายได้รวมเหลือ 4.4 แสนล้าน เหตุเคมีภัณฑ์ราคาลดตามน้ำมันดิบ-ตลาดในประเทศซบเซา
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า ประมาณการรายได้ปี 2558 คาดว่าทำได้ 4.4 แสนล้านบาท ต่ำลงจากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 4.8-4.9 แสนล้านบาท เนื่องจากรายได้กลุ่มซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและกลุ่มเคมิคอลลดลง ทำให้รายได้จากการขายสะสม 9 เดือนของเอสซีจีมี 3.34 แสนล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เฉพาะไตรมาส 3 มีรายได้ 1.1 แสนล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 3% จากไตรมาสก่อนหน้า
โดยกลุ่มเอสซีจีซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง รายได้สะสม 9 เดือนมี 1.36 แสนล้านบาท ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดซิเมนต์ภายในประเทศฟื้นตัวช้า ปัจจุบันตลาด ณ สิ้นไตรมาส 3 เติบโตติดลบ 1% โดยเฉพาะกลุ่มที่พักอาศัยเติบโตติดลบ 7%
"อยากให้โฟกัสที่กำไรของบริษัท สิ้นไตรมาส 3 มีกำไรสะสม 3.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อน ซึ่งมากกว่ากำไรตลอดปี 2557 ที่มี 3.36 หมื่นล้านบาทแล้ว ดังนั้นเชื่อว่ากำไรปีนี้จะเป็นสถิติใหม่แน่นอน" นายกานต์กล่าวและว่า
คาดว่าไตรมาส 4/58 ตลาดปูนน่าจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล และมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล แห่งละ5 ล้านบาท น่าจะทำให้เกิดโครงการก่อสร้างขนาดย่อมมากขึ้น ทำให้ตลาดรวมปีนี้โต 0-1%
ส่วนการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐ ที่ผ่านมามีการอนุมัติการลงทุนแล้ว เช่น มอเตอร์เวย์ 3 สาย รถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่ แต่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างจริง ทำให้การใช้ซีเมนต์ยังไม่เติบโต คาดว่าปี 2559 น่าจะเริ่มใช้จริง รวมถึงมีเมกะโปรเจ็กต์อื่น ๆ ที่เชื่อว่ารัฐบาลจะเร่งผลักดันแน่นอน เช่น มินิไฮสปีดเทรนไทย-จีน
ด้านธุรกิจเอสซีจีในอาเซียนรวมทั้งรายได้จากฐานผลิตและการส่งออกจากไทย เฉพาะไตรมาส 3/58 ทำรายได้ 2.5 หมื่นล้านบาท รวม 9 เดือน ปี 2558 ทำรายได้ 7.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ด้านสินทรัพย์รวมในอาเซียนมีมูลค่า 1.02 แสนล้านบาท คิดเป็น 20% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 5 แสนล้านบาท คาดว่าอนาคตจะมีสัดส่วนสูงขึ้น หลังเอสซีจีมีนโยบายขยายการลงทุนในต่างประเทศโดยรายได้จากการส่งออกช่วง 9 เดือน พบว่าตลาดอาเซียนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น จาก 40% ของรายได้ส่งออกรวม 1.06 แสนล้านบาทเมื่อปี 2557 เพิ่มเป็น 43% จากรายได้รวม 9.77 หมื่นล้านบาทของปี 2558 แทนที่ตลาดเอเชียเหนือ เอเชียใต้ และอื่น ๆ
นายกานต์กล่าวว่า เฉพาะกลุ่มเอสซีจีซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในอาเซียน ตลาดเติบโตเป็นบวกตลอดปี 2558 สวนทางตลาดไทย โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/58 ตลาดอินโดนีเซียเติบโต 3% เวียดนามโต 20% กัมพูชาโต 38% และเมียนมาโต 43%
"อาเซียนเป็นตลาดที่เติบโตได้ดีมาก อาจยกเว้นอินโดนีเซียในช่วงนี้ที่การเติบโตต่ำเพราะกำลังจะมีการเลือกตั้งและตลาดปูนมีลักษณะโอเวอร์ซัพพลายแต่อินโดฯมีตลาดขนาดใหญ่คาดว่าจะมีการขยายตัวอีกมาก และเอสซีจีได้เปรียบเรื่องต้นทุน ต่อจากนี้หากมีบริษัทที่ต้องการออกจากธุรกิจปูนอาจเป็นโอกาสของเอสซีจีในการเทกโอเวอร์เป็นโรงงานแห่งที่สองได้"นายกานต์กล่าว
ทั้งนี้โรงงานปูนเอสซีจีในอินโดนีเซียเปิดเดินเครื่องแล้วเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ช่วงทดลองผลิตสามารถผลิตปูนได้ 5,000 ตัน/วัน ด้านโรงงานใหม่กำลังผลิต 1.8 ล้านตัน/ปีที่กำลังก่อสร้างในเมียนมา ตามแผนเริ่มผลิตได้ช่วงกลางปีหน้า ส่วนฐานผลิตใน สปป.ลาวจะเปิดเดินเครื่องช่วงปี 2560 |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-11-2558
|
|
|
|
|