|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| "พรมไทปิง"หนีกำลังซื้อในประเทศหดตัวบุก"เมียนมา-เวียดนาม" |
|
เศรษฐกิจไม่ดี "พรมไทปิง" รายได้หด ลดกำลังการผลิตเหลือ 70% เบนเข็มส่งออก ปีหน้าเจาะตลาดเออีซี นำร่อง "เมียนมา-เวียดนาม"
นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตพรมไทปิงและรอยัลไทย เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว มีแนวโน้มที่ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะต่ำกว่าเป้าประมาณ 5% จากเป้าที่ตั้งไว้ 2,800 ล้านบาท แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยเน้นส่งออกไปต่างประเทศ ปัจจุบันสัดส่วนตลาดต่างประเทศและในประเทศอยู่ที่ 50:50
"ตลาดต่างประเทศที่ส่งออกมากที่สุดจะอยู่ในประเทศแถบตะวันออกกลาง รองลงมาเป็นอเมริกา ยุโรป และอาเซียน นอกจากนี้การซื้อกิจการของต่างประเทศก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทมียอดขายที่ดีในตลาดต่างประเทศ"
สำหรับแผนงานในปีหน้าจะรุกตลาดใน 10 ประเทศอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากจะมีการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะเกิดการลงทุนใหม่ ๆ ในประเทศต่าง ๆ อีกมาก เช่น โรงแรม จะทำให้บริษัทใช้โอกาสนี้เพิ่มการตลาดพรมได้มากขึ้นด้วย
ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตสินค้าทอเครื่องอยู่ที่ 30,000 ตร.ม.ต่อเดือน และทอมือ 5,000 ตร.ม.ต่อเดือน แต่ขณะนี้ลดกำลังการผลิตเหลือ 60-70% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังทรงตัว ซึ่งปัจจัยสำคัญจะทำให้ตลาดพรมดีขึ้น คือการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว จะทำให้โรงแรมมีการตกแต่งเพิ่มขึ้น และการเปิดตลาดอาเซียนจะช่วยส่งเสริมได้อีกช่องทางหนึ่ง
สำหรับตลาดต่างประเทศที่มองเห็นศักยภาพ เช่น ประเทศเมียนมา มีแนวโน้มของธุรกิจโรงแรมที่เพิ่มขึ้น และประเทศเวียดนาม มีตัวแทนจำหน่ายของบริษัทอยู่แล้ว จะช่วยส่งเสริมเรื่องการทำตลาดและการขายได้ง่าย อีกทั้งยังมีบริษัท อัลสตันส์ จำกัด ที่บริษัทเพิ่งเข้าซื้อกิจการจากประเทศอังกฤษ มีแผนจะเปิดตลาดโซฟาหนังในยุโรป และเชื่อว่าในปีหน้า ตลาดพรมรถยนต์ก็น่าจะไปได้ดีและทำให้ยอดขายพรมรถยนต์เติบโตตามไปด้วย
ล่าสุดบริษัทได้รับลิขสิทธิ์ในการใช้เส้นใย Dupont Sorona จากบริษัทดูปองท์โดยเป็นบริษัทแรกในภูมิภาคอาเซียนในการรับลิขสิทธิ์นี้ โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นของเส้นใยตัวนี้คือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะผลิตจากธรรมชาติ และดูแลรักษาง่ายกว่าวัตถุดิบชนิดอื่น ส่วนราคาขายจะสูงกว่าพรมทั่วไป 15% |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-11-2558
|
|
|
|
|
