|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| คมนาคมดึงเศรษฐีเรือยอชต์เทียบท่าภูเก็ต แจกแหลกสิทธิประโยชน์วาดเป้า700ลำโปรโมตเที่ยวทะเลไทย |
|
กรมเจ้าท่าแจกแหลกใบอนุญาตเรือยอชต์-ซูเปอร์ยอชต์ล่องน่านน้ำไทยนาน 1 ปี ยกเว้นภาษีศุลกากร-ผ่อนปรนการขอวีซ่าตรวจคนเข้าเมือง ดึงเศรษฐีทั่วโลกร่วมงาน "ไทยแลนด์ยอชต์โชว์" ภูเก็ต 8-14 ก.พ. 59 ร่วมลงทุนปั้นฮับมารีน่าอาเซียน "อิตาเลียนไทย" ขยายท่าอ่าวปอรับเรือเพิ่มอีก 60 ลำ
นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรมจะอำนวยความสะดวกในเรื่องกฎหมายให้กับเรือยอชต์ที่เข้ามาร่วมในโครงการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า "ไทยแลนด์ยอชต์โชว์" ที่ จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 8-14 ก.พ. 2559 เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ต่างประเทศหรือยุโรป คาดว่าภายในงาน จะมีเรือยอชต์ที่เข้าร่วมประมาณ 400-500 ลำ และซูเปอร์ยอชต์จำนวน 30 ลำ จะมีมารีน่าจำนวน 4 ท่าที่จะมารองรับ ได้แก่ ท่าเรืออ่าวปอ, ท่าเรือโบ๊ทลากูน, ท่าเรือรอยัล ภูเก็ต มารีน่า และท่าเรือยอชต์ เฮเว่น มารีน่า ซึ่งท่าเรือทั้งหมดสามารถรองรับได้ 700 ลำ และอาจจะมีเรือบางลำที่ไม่ได้จอดเทียบท่า
เล็งออกใบอนุญาต-เว้นภาษี
กรมจะขอแก้ระเบียบข้อกฎหมายยอมให้ซูเปอร์ยอชต์ขนาด30เมตรขึ้นไปเข้ามาทำการค้าในประเทศไทยได้ซึ่งจะต้องมีใบอนุญาต จากเดิมกฎหมายระบุว่า เรือที่จะทำการค้าในน่านน้ำไทยได้สงวนให้เฉพาะเรือไทยเท่านั้น ซึ่งในข้อกำหนดการออกใบอนุญาตนั้นมี 3 ข้อ คือ 1.ขนาดเรือ 30 เมตรขึ้นไป 2.มีตัวแทนอยู่ในประเทศไทย และ 3.มีประกันภัย หากมีคุณสมบัติครบก็สามารถมายื่นเรื่องขอใบอนุญาตได้ จะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 1 เดือน และใบอนุญาตนี้จะมีอายุใช้งานได้ 1 ปีนับจากวันที่ได้รับใบอนุญาต เบื้องต้นมีผู้มายื่นขอใบอนุญาตแล้ว 3 ราย
นายจุฬากล่าวอีกว่า หลังจากพิจารณาการออกใบอนุญาตแล้ว กฎระเบียบต่อไปที่จะต้องแก้ไข คือ 1.กฎหมายศุลกากร หากอยู่เกินที่กำหนดจะไม่ให้เสียภาษี 2.กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง สำหรับคนบนเรือสามารถขอวีซ่าเพิ่มได้โดยไม่ต้องออกนอกประเทศ และ 3.ปรับลดภาษีรายได้ เพื่อทำให้มีแรงจูงใจเข้ามาในประเทศไทย
"เราอยากให้เขามาเที่ยวในอ่าวไทยบ้านเรา เราอยากให้ไทยเป็นฐานให้เขาเดินทางไปในอาเซียน หรือว่าประเทศออสเตรเลีย"
นายจุฬากล่าวว่า เป้าหมายของงานคืออยากให้ประเทศไทยเป็น "Destination Yacht" สามารถเช่าเรือแล่นในอ่าวไทยและอันดามันได้ ส่วนมารีน่าตอนนี้กรมได้ส่งหน่วยงานสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่ดี มีความสะดวกสบายเหมาะที่จะทำมารีน่าเพื่อรับเรือยอชต์หรือซูเปอร์ยอชต์ เช่น สมุย กระบี่ ประจวบคีรีขันธ์ ตราด และชุมพร จะมีแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนจูงใจให้ผู้ประกอบการเรือยอชต์มาลงทุน
ดึงทั่วโลกร่วมลงทุนมารีน่า
โดยรูปแบบการลงทุนจะให้เอกชนมาลงทุนพัฒนาทั้งหมด ทั้งจัดหาพื้นที่และก่อสร้าง คาดว่าจะใช้เงินก่อสร้างแห่งละประมาณ 200 ล้านบาทขึ้นอยู่กับขนาดท่าเรือ เช่น เรือยอชต์หรือซูเปอร์ยอชต์ โดยจะไม่รวมค่าที่ดินที่เอกชนต้องจัดหาเอง อาจจะเป็นการเช่าระยะยาวหรือซื้อ ซึ่งกรมเจ้าท่าจะช่วยดูเรื่องพื้นที่ชายฝั่งทะเลว่าบริเวณไหนที่เหมาะสม รวมทั้งจะช่วยลงทุนระบบสาธารณูปโภค
"การพัฒนาจะเป็นรูปแบบเขตเศรษฐกิจมารีน่า จะมีการส่งเสริมการลงทุนเหมือนเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เช่น ยกเว้นภาษีนำเข้า เพราะในโครงการจะมีอู่ซ่อมเรือด้วย ระบบวีซ่าเข้า-ออก เป็นต้น เนื่องจากมารีน่าจะไม่ใช่แค่พัฒนาท่าเรือ จะมีการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้วย เช่น คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ โรงแรม จุดท่องเที่ยว พื้นที่ค้าขาย"
ซึ่งเป้าหมายคือจะดึงนักลงทุนต่างประเทศทำธุรกิจเรือยอชต์จากทั่วโลกมาลงทุน เช่น ยุโรป ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อยู่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยอาจจะมาร่วมกับผู้ประกอบการไทยก็ได้ เนื่องจากรัฐบาลมองว่าเป็นธุรกิจที่เติบโตและมีกำลังซื้อสูงในขณะนี้ และยังมีความต้องการอีกมาก เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีท่าเรือมารีน่าจำนวน 11 แห่ง ฝั่งทะเลอันดามัน 6 แห่ง อ่าวไทย 5 แห่ง กระจายในพื้นที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ ตราด ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งยังไม่เพียงพอ
เนื่องจากภายในงานจะจัดนิทรรศการแสดงความพร้อมของรัฐบาล ในการศึกษาจุดเหมาะสมที่จะพัฒนามารีน่าในประเทศไทย ตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางมารีน่าของอาเซียน หากมีการส่งเสริมและพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการลงทุนและท่องเที่ยวของประเทศได้จากการจัดเก็บค่าจอดเรือและรายได้อื่น ๆ
"ธุรกิจเรือยอชต์เป็นธุรกิจที่เข้าถึงประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะการบริการไม่ว่าจะเป็นการดูแล ซ่อมบำรุงเรือ และด้านอาหาร รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างท่าจอดเรือ" นายจุฬากล่าวและว่า
เรือยอชต์ส่วนใหญ่จะอยู่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลแคริบเบียน ซึ่งผู้ประกอบการทราบว่าประเทศในโซนเอเชียมีกำลังซื้อและศักยภาพสูง ทำให้มีความสนใจจะเข้ามา แต่ไม่สามารถเข้ามาได้เพราะไม่มีท่าเรือรองรับ
"ปีที่แล้วประเทศไทยเองก็มีเรือยอชต์เข้ามาประมาณ 1,500-1,600 ลำ และเรือซูเปอร์ยอชต์ที่ขนาดเกิน 24 เมตรขึ้นไปมีจำนวน 75 ลำ แต่จอดชั่วคราวที่ภูเก็ตแล้วเดินทางไปที่อื่น"
นายจุฬากล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา กรมนำ "ซูเปอร์ยอชต์" มาเปิดตัวเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า จะมีการจัดงานดังกล่าวหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณสำหรับจัดงานให้แล้วจำนวน 15 ล้านบาท
อิตาเลียนไทยขยายท่าเพิ่ม
สำหรับงานเปิดตัวในครั้งนี้ กรมได้จัดแสดงเรือซูเปอร์ยอชต์ชื่อ โอเชียน เอมเมอรัลด์ (Ocean Emerald) มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบเป็นเงินไทยประมาณ 12,513,407,222 บาท ขนาด 41 เมตร เป็นเรือที่ได้รับใบอนุญาตให้สามารถอยู่ในประเทศได้ 1 ปี ลำแรกให้ได้เข้าไปเยี่ยมชมภายในเรือด้วย
ด้านนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีท่ามารีน่าสำหรับเรือยอชต์ที่บริเวณอ่าวปอ จ.ภูเก็ต จะเข้าร่วมในงานยอชต์โชว์ด้วย ขณะนี้มีเรือยอชต์จอดได้ประมาณ 400 ลำ และมีพื้นที่จอดซูเปอร์ยอชต์ อีก 30 ลำ ถือว่ามากที่สุดทั้งบนบกและในน้ำ ขณะนี้เตรียมขยายพื้นที่เรือขนาดใหญ่รองรับได้อีก 60 ลำ จะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อรองรับงานดังกล่าว |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 24-09-2558
|
|
|
|
|
