|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| อนาคตใหม่ในกัมพูชา (จบ) "เอสซีจีลงทุนเพิ่ม 200-300 ล้านเหรียญ" |
|
สัมภาษณ์
ในโอกาสเยือนฐานผลิตกัมปอต ซิเมนต์ ห่างจากกรุงพนมเปญ ออกไป 120 กม. เป็นโอกาสอันดีที่ได้ร่วมวงสนทนากับ "อารีย์ ชวลิตชีวินกุล" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่-กลาง เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ซิเมนต์-ก่อสร้าง เพื่ออัพเดตแผนลงทุนของเอสซีจีในตลาดอาเซียน
- แผนลงทุนในกัมพูชา
เราลงทุนตั้งแต่ปี′92 เปิดเอสซีจีเทรดดิ้ง หลังจากนั้นปี′95 ก็มาทำธุรกิจรีดดี้มิกซ์คอนกรีต ปี 2006 ตั้งโรงงานปูนแห่งแรกที่เป็นฐานผลิตนอกประเทศไทย ปัจจุบันมีการขยายหม้อที่ 2 ในปี 2015 ลงทุนสัก 120 เหรียญสหรัฐ ไลน์หนึ่งอาจจะแพงกว่านิดหน่อยเพราะเป็นกรีนฟิลด์ รีดดี้มิกซ์ปัจจุบันมี 14 แพลนต์ ส่วนเทรดดิ้งไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนออฟฟิศกับคน เรามีพนักงานกัมพูชาทั้งหมด 461 คน คนไทยทำงานที่นี่อีก 31 คน
อนาคตคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องซึ่งผมเห็นโอกาส ศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปีนี้เห็นชัดถึงความต้องการใช้ซีเมนต์เติบโตค่อนข้างมาก มีโปรเจ็กต์ใหญ่ ๆ ในเกาะเพชร เป็นคอนโดมิเนียมสูง ๆ โครงการใหม่ในคอมเมอร์เชียลแอเรียเยอะมาก คงเติบโตต่อเนื่อง เอสซีจีมีความตั้งใจขยายธุรกิจในกัมพูชาให้มากขึ้น เราอยู่ในกัมพูชาตั้งแต่ปี′92 หรือ 20 กว่าปี เราตั้งใจอยู่ที่นี่อีกนานเป็นร้อยปี
สำหรับงบฯลงทุนวางแผนไว้ทั้งขยายธุรกิจรีดดี้มิกซ์เท่าตัว ปูนก็ขยายเช่นกัน แต่ต้องสอดคล้องกับความต้องการใช้ด้วย ตามแผน 5 ปีหน้าคิดว่าจะใช้เงินลงทุน 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ อาจรวมโรงปูน "กัมปอต ซิเมนต์" ไลน์สามด้วย อยู่ในแผน
ในส่วนยอดขายโดยรวม แบ่ง 2 ส่วน จากโอเปอเรชั่นหรือฐานผลิตในพื้นที่ ปีนี้คาดใกล้ 5,000 ล้านบาท กับส่งออกมากัมพูชา ปีนี้คาดตัวเลขจบที่ 7,000 ล้านบาท มองภาพรวมกัมพูชาน่าจะมี 12,000 ล้านบาท เติบโตเทียบกับปีที่แล้วค่อนข้างดี น่าพอใจ โตขึ้นกับธุรกิจซีเมนต์ รีดดี้มิกซ์ เฉลี่ย 5-10% แผนธุรกิจ 5 ปีมองการเติบโต 5-10% เช่นกัน
2-3 ปีที่ผ่านมา กัมพูชาเติบโตดีมาก ราว 7% ถือว่าแข็งแกร่งมาก อนาคตเป็นไปได้สูงที่จะรักษาอัตราเติบโตเท่านี้ ซึ่งที่นี่รายได้หลัก เอสซีจี ซิเมนต์กับผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โดยสัดส่วนยอดขายยังป้อนให้กับความต้องการใช้ของโครงการภาคเอกชน 90% โครงการรัฐบาลอีก 10% ภาพรวมตลาดซีเมนต์ใกล้เคียงกับไทย ผู้ใช้หลักมีทั้งโครงการที่อยู่อาศัย คอมเมอร์เชียล อุตสาหกรรม ภาครัฐ
- ภาพรวมลงทุนในอาเซียน
เราลงทุนอย่างต่อเนื่องตามนโยบายพี่กานต์ (ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่) ให้ไว้ ปีที่แล้วยอดขายในอาเซียนมากกว่า 1 แสนล้านบาท แบ่ง 2 ส่วนคือโอเปอเรชั่นหรือการตั้งฐานผลิตกับส่งออกจากประเทศไทยมายังอาเซียน ในส่วนรายได้โอเปอเรชั่นมีสัดส่วนยอดขาย 10% หรือ 4.6-4.8 หมื่นล้าน ถ้ารวมยอดขายส่งออกจากไทยมาด้วยรวมเป็น 23%
ถามว่าฐานผลิตในอาเซียน หลัก ๆ ยังเป็นอินโดนีเซีย รองลงมาเมียนมากับกัมพูชา ในอินโดฯลงทุนค่อนข้างมาก มีหลายธุรกิจอยู่แล้ว กำลังตั้งโรงงานปูนภายในปีนี้จะเริ่มสตาร์ตอัพได้ 1.8 ล้านตันต่อปี กำหนดเดิมไตรมาส 3/58 แต่ขอเพลย์เซฟ เริ่มเทสต์รันเครื่องจักรบางส่วน นอกจากนี้ยังมีหลายธุรกิจไม่ว่ากระเบื้องเซรามิก รีดดี้มิกซ์ ไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ด ยิปซัม กับเคมิคอลด้วย เป็นพอร์ชั่นใหญ่สุดในอาเซียน
ถัดมาเวียดนาม เราร่วมกับไพร์มกรุ๊ปธุรกิจเซรามิกที่ควบกิจการ มีโรงงานกระดาษ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเอสซีจี แพ็กเกจจิ้ง
ส่วนเมียนมาถือว่ามีศักยภาพ การเติบโตถือว่าดีมาก ตัวเลข 6 เดือนโต 18% เพราะเป็นช่วงหน้าขาย ตั้งโรงงานที่เมาะลำไย 1 โรง กำลังผลิต 1.8 ล้านตันเท่าอินโดฯ คาดเริ่มผลิตกลางปี 2016 และลาว ตั้ง รง.ปูนที่ "คำม่วนซิเมนต์ ลาว" 1.8 ล้านตัน ตามแผนเริ่มผลิตกลางปี 2017
- ยอดขาย 6 เดือนแรก
ยอดรวมอาเซียนเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว ทั้งฐานผลิตและส่งออกถือว่ายังดีอยู่ แต่เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะมาก คำนวณกลับมาเป็นบาทเทอมถือว่ายังเติบโตได้ดี ประมาณ 5% บางประเทศได้ตามเป้า บางประเทศอาจดรอปไปบ้าง โดยเฉพาะที่อินโดฯ เนื่องจากค่าเงินรูเปียห์อ่อนตัวไปมาก เกือบแตะ 13,840 ต่อเหรียญสหรัฐ เทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 11,500 ต่อเหรียญสหรัฐ
ยอดขายในอินโดฯลดลง ส่วนหนึ่งเพราะค่าเงินรูเปียห์ อีกส่วนเพราะตลาดในอินโดฯไม่ดีเลย ปูนครึ่งปีแรก -4.2% ถือว่าติดลบมากสุดในฐานผลิตอาเซียน ตลาดวัสดุก่อสร้างก็ติดลบเช่นกัน ส่วนประเทศอื่น ๆ ดีหมดเลย โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากอินโดฯ กับเวียดนามอย่างละ 20% ถัดมากัมพูชา เมียนมาที่เติบโตดีมาก ฟิลิปปินส์ก็ถือว่าดี
โดยรูปแบบตั้งใจจะควบกิจการ หรือ M&A (Merger & Acquisitions) ก่อน เพราะสามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็กรีนฟิลด์ (ตั้งฐานผลิต) แต่ต้องไปทำช่องทางตลาดก่อน
- มีดีลควบกิจการเยอะไหม
ในอาเซียนมีโอกาสไม่เหมือนกัน เช่น เวียดนาม ตลาดซีเมนต์ความต้องการใช้ปีที่แล้ว 50 ล้านตัน กำลังผลิตเกือบ 80 ล้านตัน โอเวอร์ซัพพลาย แต่ก็สามารถส่งออกค่อนข้างเยอะ 15-20 ล้านตัน ถือว่าทำได้ดี ตรงนี้เองมองว่ามีโอกาสเหมือนกันที่เราจะเข้าไปดูฟิลิปปินส์ ซึ่งตลาดอาเซียนเรียกว่า "ดาร์ลิ่ง ออฟ เดอะเวิลด์" เวิลด์คลาสเพลเยอร์จ้องมองมาก เราก็ต้องการขยาย ดังนั้นจึงต้องแข่งขันกัน |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 23-09-2558
|
|
|
|
|
