|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| รถไฟฟ้า-คอนโดตัวการทุบตลาดทาวน์เฮาส์ "พฤกษา"เลิกทำของถูก-เปิดศึกบ้านเดี่ยวลุย1.5-5ล้าน |
|
"พฤกษาฯ" มองจุดเปลี่ยนตลาดทาวน์เฮาส์ รถไฟฟ้าสายใหม่-คอนโดฯ ตัวการดันราคาที่ดินแพง สลัดภาพเจ้าพ่อของถูกขยับขึ้นมากินรวบกลุ่ม 1.5-5 ล้านแทน เซ็กเมนต์ 2-3 ล้านแข่งเดือดสุด คู่แข่ง + บิ๊กแบรนด์แห่ลงทุน พฤติกรรมผู้บริโภคต้องการพื้นที่ใช้สอย 160-200 ตร.ม. ฟังก์ชั่นใกล้เคียงบ้านเดี่ยว ชี้แนวโน้มราคาต่ำ 2 ล้าน โดนห้องชุดแย่งลูกค้าภายใน 4-5 ปี
นายปิยะ ประยงค์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ครึ่งปีแรกมียอดขายกลุ่มโครงการทาวน์เฮาส์ 12,156 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 33% จากมูลค่าตลาดทาวน์เฮาส์ครึ่งปีแรก 33,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มากกว่าตลาดรวมที่เติบโต 20% จึงปรับเพิ่มเป้ารายได้กลุ่มทาวน์เฮาส์ทั้งปี 2.1 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท
อัพสินค้า-บริการหนีคู่แข่ง
นายปิยะกล่าวว่า เป้าการเติบโตทาวน์เฮาส์ของพฤกษาฯ 15% ถือเป็นเป้าโตเหนือตลาด ผลงานด้านรายได้ดังกล่าวเกิดจาก 1.บริษัทปรับกลยุทธ์ขายบ้านพร้อมอยู่ 90% ของโครงการ เพื่อแก้ปัญหากู้ไม่ผ่าน จากเดิมถ้ามีระยะเวลาผ่อนดาวน์พบว่าลูกค้าบางส่วนมีการก่อหนี้เพิ่มระหว่างรอโอน โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นปีหนี้บัตรเครดิตเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ลูกค้ากู้ไม่ผ่าน แซงหน้าปัญหาหนี้จากรถคันแรก ดังนั้นถ้าสร้างทาวน์เฮาส์พร้อมอยู่ ทำให้สามารถโอนได้เร็วเมื่อจองซื้อโครงการ ถ้าสถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อก็สามารถโอนและย้ายเข้าอยู่ได้เลย
2.การสร้างการยอมรับในแบรนด์ผ่านเซอร์วิสกับโปรดักต์โดยงานบริการหลังการขายมีการปรับปรุงระบบSLA (Service Level Agreement) แบ่งรายการรับข้อร้องเรียนของลูกบ้านละเอียดยิบ มีข้อกำหนดว่า แต่ละประเภทจะต้องใช้เวลา 1-7-14 วัน ในการดูแลลูกค้าที่อยู่ในระยะประกัน ซึ่งสามารถทำผลงานได้ 100% แล้ว ในอนาคตมีนโยบายขยายบริการดูแลลูกค้าที่อยู่นอกเวลาประกันตัวบ้านและโครงสร้างด้วย
"บริษัทจัดตั้งทีมโฮมแคร์ที่ใหญ่มากเป็นกลุ่มงานซ่อมแซมดีเฟกต์หรือปัญหาที่เกิดจากงานก่อสร้างที่มีทีมผู้รับเหมา100 กว่าคน แยกออกมาจากทีมก่อสร้างบ้านใหม่ ในภาพรวมเราจัดเตรียมงบประมาณที่ชัดเจน 1% จากยอดขาย นำมาบริหารจัดการเองเพราะบางอย่างต้องพร้อมให้บริการ 24 ชม."
3.กลยุทธ์สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า ทั้งจุดทัชพอยต์ ตั้งแต่ป้อม รปภ.จนถึงตัวบ้านที่สัมผัสลูกค้า เช่น เดินเข้าไปในสำนักงานขายจะมีกลิ่นตะไคร้ สปา บรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางสไตล์รีสอร์ต การออกแบบฟังก์ชั่นในตัวบ้านที่ตอบสนองการอยู่อาศัย รวมทั้งอัพเกรดคุณภาพวัสดุให้สูงกว่าคู่แข่งขันในราคาเดียวกัน เช่น ใช้สุขภัณฑ์ยี่ห้อโตโต้ โมเก้น เพราะสามารถสั่งซื้อวัสดุลอตใหญ่ในราคาที่ถูกกว่า
คอนโดฯแย่งลูกค้าต่ำ 2 ล้าน
นายปิยะกล่าวด้วยว่า เทรนด์ตลาดทาวน์เฮาส์กำลังเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะราคาที่ดินแพงในปัจจุบัน เนื่องจากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าออกนอกเมืองมากขึ้น ทำให้จัดซื้อที่ดินลำบากมาก จากเดิมพฤกษาฯเป็นเจ้าตลาดทาวน์เฮาส์ราคาถูกไม่เกิน 1 ล้านบาทหรือทาวน์เฮาส์บีโอไอ ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งกลุ่มราคา 1.2-1.5 ล้านบาท เพียง 10% และปรับไปหากลุ่มเป้าหมายหลักระดับราคา 1.5-5 ล้านบาทแทน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่ในตลาด โดยแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นมีผลตอบรับดีที่สุด รองลงมาสไตล์โอเรียนทอล ไทยประยุกต์ ทรอปิคอล
"ตลาดรวมทาวน์เฮาส์ตกปีละ 6 หมื่นล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 1.5-2 ล้าน จะขายดีในทำเลถนนวงแหวน กลุ่มราคา 2-3 ล้านเป็นตลาดใหญ่ที่สุดหรือเรดโอเชี่ยน คู่แข่งจากเซ็กเมนต์อื่นจะลงมาแข่งกันเยอะ ทำเลร่นจากวงแหวนเข้ามาสัก 10 กม. ส่วนราคา 3-5 ล้าน จะมีรัศมีทำเล 10 กม.จากตัวเมือง"
สำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่าตลาด 3-5 ล้านบาท ชอบแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงบ้านเดี่ยว 160-200 ตร.ม. โดยเพิ่มฟังก์ชั่นห้องแฟมิลี่รูมบนชั้น 2 หรือ 3 ห้องนอนใหญ่หรือมาสเตอร์เบดรูมจะต้องมีวอล์กอินโคลเส็ต และมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง
"แนวโน้มราคา 2-5 ล้านจะเป็นตลาดใหญ่ เพราะถ้าต่ำกว่า 2 ล้านลูกค้าจะหันไปซื้อคอนโดฯกันหมด และภายใน 4-5 ปีหน้า กลุ่มราคา 1-1.5 ล้านจะเป็นคอนโดฯหมดแล้ว ไม่มีทาวน์เฮาส์แล้ว เพราะต้นทุนที่ดินทำให้พัฒนาโครงการไม่ได้" นายปิยะกล่าว |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-09-2558
|
|
|
|
|
