|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| อสังหาแขมรโดดเด่นแซงอาเซียนโตปีละ7% ดีมานด์วัสดุก่อสร้างมหาศาล"ไทย-เทศ" แห่ลงทุน50บิ๊กโปรเจ็กต์ |
|
อสังหาฯกัมพูชาบูมจัดเอดีบีประเมินเศรษฐกิจโตปีละ 7.2% ต่อเนื่องอีก 5 ปีเต็ม แซงหน้าไทยยันอาเซียน เผยดีมานด์ก่อสร้าง-ใช้วัสดุกรุงพนมเปญทะลุ 50% ของความต้องการใช้ทั้งประเทศ นักลงทุนต่างชาติแห่ผุด 50 บิ๊กโปรเจ็กต์ปูพรมหัวเมืองหลัก 8 แห่ง เอสซีเปิดไลน์ผลิตกัมปอตซิเมนต์ ดันกำลังผลิต 2 ล้านตัน/ปี ผงาดผู้ผลิตปูนเบอร์ 1 เล็งลงทุนเพิ่ม 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 5 ปี
นายอารีย์ ชวลิตชีวินกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรีจินอล เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เปิดเผยว่า เอสซีจีมีการลงทุนโรงงานผลิตปูนซีเมนต์นอกประเทศแห่งแรกในกัมพูชา ล่าสุดกำลังจะเปิดไลน์ผลิตที่ 2 ทำให้มีกำลังผลิตรวมกัน 2 ล้านตัน/ปี นอกจากนี้มีธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จหรือเรดดี้มิกซ์ 14 แพลนต์ มีการนำเข้าวัสดุก่อสร้างในกลุ่มกระเบื้องหลังคา แผ่นพื้นสำเร็จรูป แนวโน้มยังมีความต้องการใช้ปูนและวัสดุก่อสร้างสูงมาก คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มกำลังผลิตปูนภายใน 5 ปีข้างหน้า
แนวโน้ม 5 ปี จีดีพีโต 7%
นายสมหวัง แม้นพิมลชัย Country Director-Cambodia และกรรมการผู้จัดการ กัมปอตซีเมนต์ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า เอสซีจีเข้ามาลงทุนโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ภายใต้แบรนด์ "เคซิเมนต์" (K Cement) ตั้งแต่ปี 2550 ล่าสุดกำลังทดสอบไลน์ผลิตโรงที่ 2 มูลค่าลงทุน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ มีผลให้เอสซีจีมีกำลังผลิตปูนในกัมพูชารวมกัน 2 ล้านตัน/ปี คาดว่าภายใน 3-4 ปี จะใช้กำลังผลิตเต็มที่ เนื่องจากปัจจุบันทางธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี ประเมินว่ามีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์สูงถึงปีละ 4 ล้านตัน/ปี
"เอสซีจีได้รับสัมปทานผลิตปูน 50 ปี ปัจจุบันเหลืออายุ 42-43 ปี ตามแผนยังขึ้นไลน์ผลิตได้อีก 2 โรง ซึ่งตลาดกัมพูชาน่าสนใจมาก ทางเอดีบีประเมินว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ในช่วง 5 ปี (2558-2562) แนวโน้มจะเติบโตปีละ 7.2% ต่อเนื่อง ถือว่าเป็นอัตราเติบโตเศรษฐกิจระดับโลก"
โรงปูนเอสซีจี 2 ล้านตัน/ปี
ทั้งนี้ กัมปอต ซิเมนต์ เริ่มลงทุนโรงผลิตปูนไลน์ 1 เมื่อปี 2549 กำลังการผลิต 1.1 ล้านตัน ต่อมาลงทุนไลน์ 2 กำลังผลิตเพิ่มอีก 9 แสนตัน รวมเป็น 2 ล้านตัน โดยระหว่างนี้เนื่องจากความต้องการใช้มีมากกว่ากำลังผลิตในประเทศจึงมีการนำเข้าปูนจากประเทศไทยด้วย ในอนาคตจะลดบทบาทปูนนำเข้าและหันมาผลิตในประเทศกัมพูชามากขึ้น โดยผู้ผลิตหลัก นอกจากเอสซีจีมีกำลังผลิตอันดับ 1 แล้ว ยังมีนักลงทุนจีนตั้งโรงงานผลิตปูน กำลังผลิต 1 ล้านตัน ที่เหลือเป็นปูนนำเข้า
"การแข่งขันถือว่าสูง มีสินค้าปูนในตลาด 20 กว่าแบรนด์ น่ายินดีว่าเคซิเมนต์เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสินค้ามีคุณภาพ รวมทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ เราเป็นเบอร์หนึ่งในแง่คุณภาพ และการยอมรับในแบรนด์ ลูกค้าไว้ใจที่สุด"
โดยใช้รูปแบบซัพพลายเชน มีทั้งปูนซีเมนต์ คอนกรีตผสมเสร็จหรือเรดดี้มิกซ์ วัสดุก่อสร้างในกลุ่มสินค้าแผ่นพื้นสำเร็จรูป และกระเบื้อง โดยโอกาสทางธุรกิจจะเติบโตไปกับประเทศที่เศรษฐกิจกำลังก้าวหน้า มีความต้องการก่อสร้างสูง ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและนิคมอุตสาหกรรม
สร้างเครือข่ายจัดจำหน่าย
นายสมหวังกล่าวถึงการพัฒนาระบบจัดจำหน่ายในกัมพูชาด้วยว่ารูปแบบยังเน้นเป็นแบบเทรดิชันนอลเทรดเป็นไปตามพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งเป็นรูปแบบเหมือนกับเมืองไทย โดยมีดีลเลอร์รายหลักหรือเอ็กซ์คลูซีฟดีลเลอร์ 47 รายทั่วประเทศ ที่เหลือเป็นซับดีลเลอร์อีกนับ 1,000 รายที่ขายสินค้าปูนและวัสดุก่อสร้างทุกยี่ห้อ
ในด้านกลยุทธ์การแข่งขัน นายสมหวังกล่าวว่า มีสิ่งต้องทำ 3 เรื่องหลัก ๆ 1.แข่งกันด้วยคุณภาพ ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก 2.ระบบจัดจำหน่าย ผ่านการสร้างเครือข่ายดีลเลอร์และพันธมิตรที่ต้องรักษาให้แข็งแกร่ง 3.นำเสนอสินค้าใหม่ เลือกเซ็กเมนต์ให้ชัดเจนเพราะความต้องการลูกค้าเริ่มหลากหลายมากขึ้น ปัจจุบันปูนซีเมนต์ยังเป็นรายได้หลักในกัมพูชา โดยมีโปรดักต์ 2 ชนิด คือปูนพอร์ตแลนด์หรือปูนโครงสร้าง สัดส่วนรายได้ 87% ปูนพลาสเตอริ่งหรือปูนฉาบ 13%
"ตอนนี้แขมร์มีประชากร 15 ล้านคน รายได้เฉลี่ย 1,000 เหรียญต่อหัวต่อปี หรือ 15,000 ล้านเหรียญ แนวโน้ม 5 ปีหน้า ถ้าจีดีพียังโตปีละ 7% ก็จะดับเบิลเป็น 30,000 ล้านเหรียญ เรียกว่าขนาดตลาดใหญ่มาก"
บิ๊กโปรเจ็กต์จ่อคิวลงทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของกัมปอต ซิเมนต์ ระบุว่า จากการประเมินโครงการก่อสร้างในกัมพูชามีมูลค่าตลาดรวมปี 2558 ไม่ต่ำกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท โดยพื้นที่หลักยังเป็นกรุงพนมเปญที่
คาดว่ามีความต้องการใช้ปูนและวัสดุก่อสร้าง 50% หรือเกือบ 1.7 หมื่นล้านบาท รองลงมาสัดส่วนรวม 34% มาจากหัวเมืองหลักอีก 8 แห่ง อาทิ เสียมเรียบ กำปงโสม สะตึงเตร็ง ฯลฯ มูลค่า 1.13 หมื่นล้านบาท ที่เหลือกระจายตัวอยู่ในพื้นที่เมืองรองรวมกัน 16% หรือ 5.3 พันล้านบาท
ในขณะที่มีนักลงทุนประกาศแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ สำนักงานให้เช่า ในช่วงปี 2558-2562 รวมกันประมาณ 50 โครงการ ตัวอย่างโครงการขนาดใหญ่ อาทิ โครงการสีหนุวิลล์ คอนเซ็ปต์เป็นเมกะซิตี้ในเกาะกง บนพื้นที่ 45,000 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์มี 1,000 ตร.ม.) พัฒนาระหว่างปี 2554-2562 มูลค่าโครงการ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ, โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เขื่อนสะตึงเตร็ง กำลังผลิต 400 เมกะวัตต์ ครอบคลุมพื้นที่ 13,500 เฮกตาร์ ก่อสร้างระหว่างปี 2557-2562 มูลค่าโครงการ 781 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นต้น |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 01-09-2558
|
|
|
|
|
