|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| เผยเคล็ดลับบริหารธุรกิจ จากกูรูวงการรับสร้างบ้าน-รักษาคุณภาพ บริษัทโตระยะยาว |
|
วันที่ 21 สิงหาคม 2558 สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน จัดงานสัมมนา "ร่วมฟัง ร่วมคิด กำหนดทิศธุรกิจรับสร้างบ้าน" ในงานมหกรรมรับสร้างบ้าน "Home Builder Expo 2015" ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แบ่งหัวข้อการสัมมนาเป็น 3 ช่วง โดยกล่าวถึงภาพรวมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีการสื่อสาร การก่อสร้างและการออกแบบในธุรกิจรับสร้างบ้าน รวมถึงการปรับตัวกับการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
ในช่วงแรก ผศ.ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวเปิดการสัมมนาในหัวข้อ "เศรษฐกิจ-สังคมไทย ปรับตัวอย่างไรให้ยั่งยืน" กล่าวว่าเศรษฐกิจจะขับเคลื่อนไปได้อย่างมีพลวัตและยั่งยืนในระยะยาวคือการให้ความสำคัญกับประชาชนในทุกมิติอย่างเหมาะสม
เศรษฐกิจไทยมีความยืดหยุ่น และภาคเอกชนมีศักยภาพเพียงพอ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังอาจไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างที่คาดการณ์ โดยจีดีพีในครึ่งปีแรกไตรมาส 1/58 เท่ากับ 4-4.2% ในไตรมาส 2/58 ลดเหลือ 2.5-3.5% เนื่องมาจากภาวะหนี้สินครัวเรือน ที่ทำให้การบริโภคและกำลังซื้อไม่ดีขึ้นมากนัก ส่วนเหตุการณ์วินาศกรรมที่สี่แยกราชประสงค์ก็เป็นตัวแปรหนึ่งที่สำคัญ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนโครงการจากภาคเอกชนต่างชาติลดลง เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์ของประเทศไทยที่ยังคงมีความเสี่ยง
ผศ.ดร. อนุสรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านกล่าวได้ว่าเป็นวงการที่มีความเป็นประชาธิปไตยในการทำธุรกิจ เพราะมีช่องว่างให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยหรือผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสมาคม ได้มีโอกาสสร้างธุรกิจของตนเอง อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการสร้างนวัตกรรม ทำสินค้าให้แตกต่าง และการหากลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับโมเดลธุรกิจ
ด้าน นายไผท ผดุงถิ่น นายกสมาคม Thailand Tech Startup Association และผู้ก่อตั้งเว็บไซด์ Builk.com ร่วมพูดคุยในหัวข้อ "เทคโนโลยีสู่อนาคตธุรกิจรับสร้างบ้าน" กล่าวใน 3 หัวข้อหลักเกี่ยวกับกลยุทธ์การทำธุรกิจรับสร้างบ้านที่สอดรับกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน ได้แก่
1.พฤติกรรมผู้บริโภค ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การเข้าถึงเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียของเจ้าของบ้านทำให้ความต้องการและความคาดหวังในการสร้างบ้านมีมากขึ้น โดยจะสร้างบ้านที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของครอบครัว อาทิ บ้านที่มีผู้สูงอายุ จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีในการช่วยเหลือ การแจ้งเตือนเพื่อความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ บ้านประหยัดพลังงาน ที่ลดค่าใช้จ่ายอื่นๆภายในบ้าน ฯลฯ
ดังนั้นเทคโนโลยีการสร้างบ้านในอนาคตจะต้องมีความสอดคล้องกับอินเทอร์เน็ตที่เป็นพื้นที่เชื่อมโยงการใช้ประโยชน์ในบ้านของเจ้าของบ้าน อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆในบ้านสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ธุรกิจรับสร้างบ้านจึงจำเป็นต้องซัพพอร์ตการออกแบบเพื่อตอบโจทย์เทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคในทุกวันนี้
2.เทคโนโลยีการก่อสร้าง ปัจจุบันเทคโนโลยี CLT (Cross-Laminated Timber) วัสดุทดแทนไม้ มีคุณสมบัติคือเบา รับแรงได้มากกว่าคอนกรีต ไม่มีปลวกและไม่ติดไฟ ในประเทศจีนเริ่มมีการสร้างโรงงานผลิตอย่างแพร่หลาย และมีแนวโน้มทำเป็นสินค้าส่งออกในภูมิภาค เช่นเดียวกับในสิงคโปร์ได้มีการใช้ CLT ก่อสร้างอาคารเป็นครั้งแรก ส่วนในประเทศไทยยังไม่มีการนำมาใช้ในการก่อสร้าง เนื่องจากกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่เป็นผู้เล่นหลักในไทยคือกลุ่มปูนซีเมนต์ และวัสดุพรีแฟรบ ที่สามารถร่นระยะเวลาการก่อสร้าง ซึ่งมีต้นทุนสูง ทั้งนี้ CLT เป็นวัสดุที่เข้ากับเทรนด์รักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน จึงคาดว่าจะได้เข้ามามีส่วนแบ่งการตลาดในวงการวัสดุก่อสร้างได้
3.เทคโนโลยีการออกแบบ นอกจากการใช้โปรแกรมในการออกแบบ อาทิ BIM, CAD, Sketchup การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทำให้เกิดเว็บไซด์ Builk.com ซึ่งเป็นโปรแกรมโหลดฟรี สำหรับการบริหารธุรกิจทางออนไลน์ ที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบ รับรู้กำไรได้จากการทำโปรเจคในแต่ละครั้ง ทำให้สามารถรับรู้รายได้ในทันที และมีโอกาสที่จะปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจตามเป้าหมายได้
ในช่วงสุดท้ายเป็นการเสวนาของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ได้แก่ นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด, นายปราโมทย์ ธีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด, นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด และนายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทบิวท์ ทู บิวด์ จำกัด โดยนายพันธุ์เทพ ทานชิติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมคเคอร์โฮม จำกัดเป็นผู้ดำเนินการเสวนา
โดยเนื้อหากล่าวถึง พัฒนาการของธุรกิจรับสร้างบ้านตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงจากอดีต เดิมเจ้าของบ้านมีความยืดหยุ่นในการสร้างบ้านและสามารถตกลงเงื่อนไขต่างๆได้อย่างสะดวก แต่ในปัจจับันเจ้าของบ้านมีความรู้เกี่ยวกับสร้างบ้านอย่างดี มีอำนาจในการต่อรอง และมีความคาดหวังสูง จากปัจจัยดังกล่าวผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
การรักษามาตรฐานคุณภาพงานเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำธุรกิจรับสร้างบ้าน การสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคจะทำให้บริษัทเติบโตได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตามการใส่ใจคนในองค์กรก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน การเตรียมพร้อมและมีความเข้าใจตรงกันในการสร้างบ้านแต่ละหลัง จะทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะปัจจุบันแรงงานผู้รับเหมาขาดแคลนมากขึ้นและส่วนใหญ่เป็นคนต่างด้าว ทำให้ยิ่งต้องเข้าใจความต้องการของแรงงานผู้รับเหมาเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีอยู่ 20% หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ยังคงมีช่องว่างสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ที่จะสามารถพัฒนาธุรกิจให้ดีได้ด้วยการบริหารจัดการคนและองค์กรอย่างเป็นระบบ รวมถึงการสร้างผลงานที่มีคุณภาพอีกด้วย |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 22-08-2558
|
|
|
|
|
