|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
|
|
ก่อสร้างและที่ดิน
นาย ต.
มติชนสุดสัปดาห์
ระยะ 1-2 ปีมานี้ เกิดปรากฏการณ์ใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์แบบเงียบๆ แต่เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายขายโครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ จะรู้กันดี
นั่นคือ เกิดกลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์รายย่อยคนรุ่นใหม่ คอยติดตามการเปิดตัวโครงการใหม่คอนโดมิเนียมอย่างละเอียดแทบทุกฝีก้าว
เริ่มตั้งแต่บริษัทใหญ่ๆ ดังๆ ในตลาดอสังหาฯ ซื้อที่แปลงใหม่ เตรียมเปิดโครงการก็รู้กันแล้ว จนกระทั่งวันโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จดทะเบียนอาคารชุดเรียบร้อย ก็มีการติดตามข้อมูลว่า มีการโอนกรรมสิทธิ์กันกี่มากน้อย มีการทิ้งดาวน์หรือไม่ จำนวนเท่าไหร่
นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่เหล่านี้ต่างจากนักลงทุนหรือเก็งกำไรรุ่น เก่าๆ ตรงที่มีการเก็บข้อมูลติดตามข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด
นักลงทุนเหล่านี้ว่าที่จริงแล้ว เป็นกลุ่มนักลงทุนที่เคยลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อน เห็นโอกาสการทำกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมซึ่งมีสภาพ คล่องมากกว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น
ประกอบกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ระยะหลังอยู่ในภาวะทรงๆ นิ่งๆ จึงกระโดดข้ามตลาดมาลงทุน
ดังนั้น จึงนำวิธีคิดวิธีวิเคราะห์แบบเดียวกับตลาดหุ้นมาใช้กับตลาดอสังหาฯ แต่ก็มีความคิดสร้างสรรค์สามารถทำได้มากกว่าตลาดหุ้น โดยมีการรวมตัวกันผ่านทางรูปแบบการอบรมการลงทุนหรือกลุ่มคนที่รู้จักไว้ใจ สื่อสารกันผ่านทางเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไลน์กรุ๊ป
บางกลุ่มถึงขั้นรวมกันไปเจรจาต่อรองกับทางโครงการเพื่อขอสิทธิ์การจองก่อน เปิดตัวโครงการและในราคาที่ถูกกว่าการจองทั่วไปในจำนวนหลายๆ ยูนิตพร้อมกัน
ที่่ผ่านมานักลงทุนอสังหาริมทรัพย์รายย่อยเช่นนี้ ทำกำไรกันได้ดีทีเดียว เพราะราคาที่ดินและราคาห้องชุดในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากคอนโดมิเนียมระดับกลางตารางเมตรละ 7-8 หมื่นบาทขึ้นมาเป็น 1 แสนกว่าบาทหรือมากกว่านั้น และทำเลโครงการบางโครงการเป็นทำเลเฉพาะที่ไม่อาจถูกทดแทนด้วยโครงการอื่น
แต่ปัจจุบัน สภาพคล่องการซื้อขายเปลี่ยนมือเริ่มติดขัด เนื่องจากกำลังซื้อทั้งตลาดชะลอตัว บริษัทอสังหาริมทรัพย์เจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมหลายๆ แห่ง จัดแคมเปญการตลาดนำเอาห้องชุด "เหลือขาย" มาขายกันอย่างต่อเนื่อง
ว่ากันว่า บางโครงการที่อยู่ในทำเลที่มีการแข่งขันสูง ถึงกับตั้งราคาขายใหม่พอๆ กับราคาขายตอนเปิดตัว หรือบางห้องก็ต่ำกว่า
นักลงทุนรายย่อยหลายรายทนรอไม่ไหว ก็เริ่มนำห้องชุดที่จองไว้มาประกาศขายตามเว็บไซต์ต่างๆ โดยยอมขาดทุน ขายเงินดาวน์ที่ผ่อนไปแล้ว ลด 50% กันเลยทีเดียว
ด้วยเหตุที่นักลงทุนรายย่อยมีห้องชุดติดมือเยอะยังปล่อยขายไม่ออก ราคาต้นทุนทำท่าจะสูงกว่าราคาตลาด จึงมีการนำศัพท์จากตลาดหุ้นมาใช้กับตลาดอสังหาฯ ว่า มี "คอนโดฯ ติดดอย"
ทางออก ทางลงคงมีแหละ จะเสมอตัว หรือเจ็บมาก เจ็บน้อยเท่านั้นเอง
ยังไงก็ไม่น่ากลัวเหมือนตลาดการเมือง ที่เขาเรียกกันว่า "ขี่หลังเสือ" หรอกจะบอกให้ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 02-07-2558
|
|
|
|
|
