| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 246 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 28-05-2558    อ่าน 1344
 "สิงห์ เอสเตท" อสังหาฯนอกกรอบ ดึง "มืออาชีพ-พันธมิตร" โตก้าวกระโดด

เพราะพรหมลิขิตทำให้ "สิงห์ เอสเตท" ถือกำเนิดขึ้นมา เป็นน้องใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางภาวะตลาดที่มีผู้เล่นมากหน้าหลายตา

ถึงอายุบริษัทจะแค่ 1 ขวบปี แต่ด้วยชื่อชั้น "กลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่" ของตระกูลภิรมย์ภักดี ในฐานะยักษ์ใหญ่แห่งธุรกิจเครื่องดื่ม ที่มีทุนหนา มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจ มาอย่างโชกโชนและยาวนาน 80 ปี ทำให้การโดดเข้าสู่ธุรกิจอสังหาฯของ "สิงห์ เอสเตท" ไม่ธรรมดา ในสายตาของคู่แข่งที่อยู่รายล้อม

ดึงมืออาชีพสร้างอาณาจักรใหม่

ยิ่งได้มืออาชีพ "นริศ เชยกลิ่น" อดีตขุนพลการเงินของกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา ยักษ์ค้าปลีก เข้ามานั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กุมบังเหียน "สิงห์ เอสเตท"ยิ่งน่าจับตามอง

"นริศ" ยอมเปลี่ยนสนามธุรกิจจาก "ค้าปลีก" กลับเข้ามา "อสังหาฯ" อีกครั้ง ในวัย 50 ต้น ๆ หลังตอบรับคำเชิญจาก "ชญานิน เทพาคำ" ทายาทธุรกิจกลุ่มบุญรอด ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของ "สันติ ภิรมย์ภักดี" ทาบทามให้มาร่วมงานเพื่อสร้างบริษัทให้ติด 1 ใน 5 อสังหาฯรายใหญ่ของประเทศ ใน 5 ปีนับจากนี้ ด้วยรายได้ 2 หมื่นล้านบาท

"การได้มาอยู่ที่นี่ มันเป็นพรหมลิขิต ผมจบด้านบัญชี เคยทำงานตรวจสอบบัญชี เคยอยู่กับกลุ่มธนายง สมัยคีรี (กาญจนพาสน์) ทำโครงการธนาซิตี้ยุคแรก และเป็นคนนำธนายงเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ พอเริ่มเดินรถบีทีเอส ก็ย้ายไปอยู่กับกลุ่มไทวา นำไทวารีสอร์ทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อนย้ายไปทำด้านบัญชีที่แบงก์นครหลวงไทย พอช่วงปี"40 คุณกอบชัย (จิราธิวัฒน์) ชวนไปอยู่เซ็นทรัล เพราะยังขาดซีเอฟโอ รวมแล้วอยู่กับเซ็นทรัล 16 ปี ตั้งแต่เซ็นทรัลมี 5 สาขา ตอนลาออกมามี 21 สาขา"

สิ่งที่ได้รับโจทย์จาก "คุณสันติ" นายใหญ่กลุ่มบุญรอดคือ ทางกลุ่มมีที่ดินอยู่มาก อยากจะทำอสังหาฯ ต้องการกระจายความเสี่ยงธุรกิจ เพราะจากประสบการณ์ สุดท้ายความมั่นคงของคนอยู่ที่อสังหาฯ ซื้อเก็บไว้มีแต่ราคาขึ้น เพราะที่ดินมีเท่าเดิม บางแปลงซื้อมา ตร.ว.ละ 5 พันบาท

ผ่านไปอีก 4 ปี ปรากฏว่าตอนนี้กลายเป็น ตร.ว.ละ 4 หมื่นบาทแล้ว โดย ทาง "ครอบครัวภิรมย์ภักดี" ยินดีจะไม่เข้ามาแตะเรื่องการบริหาร แต่ทำหน้าที่เป็นบอร์ดกำหนดทิศทางบริษัท ส่วนรายละเอียดให้ทีมบริหารทำกันเองเต็มที่ เป็นระบบบริหารแบบมืออาชีพของมหาชนจริง ๆ

แนวคิดอสังหาฯนอกกรอบ

"นริศ" ระบุว่า เป้าหมายการทำธุรกิจของสิงห์ เอสเตทคือภายใน 5 ปีข้างหน้า ต้องทำยอดขายแตะ 20,000 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้รวมกลุ่มบุญรอดที่มีมูลค่าร่วม 1 แสนล้านบาทต่อปี

เมื่อเจอโจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย การทำธุรกิจนับจากนี้จึงไม่ใช่แค่เติบโต แต่ต้องเขย่งก้าวกระโดด !

สิ่งที่ต้องวางแผนคือ เมื่อสิงห์เข้ามาทำอสังหาฯช้ากว่ารายอื่น แต่ละเซ็กเตอร์ก็มีเจ้าตลาด เช่น แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, แสนสิริ, เอพี, พฤกษา เรียลเอสเตท, แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ฯลฯ แต่ละรายเก่งพัฒนาบ้าน คอนโดฯ ไม่เหมือนกัน ธุรกิจรีเทลก็มีซีพีเอ็น แล้วบริษัทจะทำอะไร

คำตอบก็คือ "ต้องทำไม่เหมือนคนอื่น"

เพราะบริษัทอสังหาฯที่กล่าวมา แต่ละบริษัทก็เก่งคนละด้าน แต่แทบไม่มีรายไหนทำหลาย ๆ อย่าง

"จุดแตกต่างของสิงห์ เอสเตท คือ เราจะทำครบทุกเซ็กเตอร์ ทั้งบ้าน คอนโดฯ ออฟฟิศ นิคมอุตสาหกรรม ศูนย์การค้าแบบไลฟ์สไตล์มอลล์ และโรงแรม สิ่งสำคัญต้องอาศัยมืออาชีพที่มีประสบการณ์ มีจุดแข็งแต่ละด้านมาเป็นพันธมิตร"

แต่จะเลือกทำสิ่งที่ถนัด เน้นสินค้าพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพ ขอใช้คำว่าเป็น Best in Class เน้นคุณภาพในแต่ละเซ็กเมนต์ เหมือนบริษัทแม่

"วิธีการทำธุรกิจ คงไม่ใช่การทุ่มซื้อ แต่ชวนมาเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกันทำธุรกิจ ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งทำให้เราโตทางลัด ไปถึงจุดหมายเร็วขึ้น"

"นริศ" ฉายภาพว่า หากเป็นคอนโดฯ บริษัทมีทีมพัฒนาเอง ส่วนอสังหาฯอื่น ๆ จะหาพันธมิตรที่เป็นมือโปรแต่ละเซ็กเตอร์เข้ามาร่วม ก่อนหน้านี้ได้เข้าไปซื้อกิจการ "รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์" เพื่อนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯทางอ้อม

ล่าสุดเข้าไปถือหุ้นใน "เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์" สัดส่วน 51% เป็นพาร์ตเนอร์ดูแลพัฒนาบ้านแนวราบ และวันนี้มีอีก 2-3 ราย ที่กำลังเจรจาจะเข้าไปถือหุ้นร่วมทุน อนาคตอาจมีพาร์ตเนอร์ใหม่เข้ามาเพิ่มก็ได้

เหตุผลที่เลือกเนอวานาฯ เพราะมีวิสัยทัศน์ตรงกัน ยิ่งคุยกันก็ยิ่งเชื่อมั่น มีโปรดักต์ที่น่าสนใจ และเป็นบริษัทขนาดไม่ใหญ่ ทำของพรีเมี่ยม ตรงกับที่ต้องการ

เปิดทางจับมือพันธมิตรสานฝัน

ส่วน ธุรกิจโรงแรม ปัจจุบัน "คุณสันติ" มีโรงแรมสันติบุรี และได้ซื้อโรงแรมเอาท์ริกเกอร์ พีพี ไอแลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา บนเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ พร้อมยุติสัญญาบริหารกับเชนโรงแรม ตอนนี้กำลังเซตทีมบริหารโปรเฟสชันนอลเข้ามารันต่อ จะมีชาวต่างชาติ เข้ามาดูแล และกำลังจะเซ็นบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับทีมที่ชำนาญด้านการขายและการตลาด เพื่อสร้างแบรนด์โรงแรมภายใต้สิงห์ เอสเตทขึ้นมา โดยปีนี้มีแผนจะซื้อโรงแรมอีก 3 แห่ง

ขณะที่ธุรกิจ ไลฟ์สไตล์มอลล์ "นริศ" แย้มว่า การร่วมลงทุนกันระหว่างสิงห์ เอสเตทกับ "ซีพีเอ็นและเอสเอฟ-สยามฟิวเจอร์" อนาคตก็มีโอกาส แต่ตอนนี้ยังไม่ลงตัว และถ้าทำต้องไม่ใช่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่แบบห้างเซ็นทรัล

"เรื่องคุย กับเอสเอฟก็มีคุยกันจริง เป็นเรื่องปกติ กับซีพีเอ็นก็คุย แต่ส่วนตัวก็สนิทกับคุณวิชา พูลวรลักษณ์ ถามว่า มีโอกาสจบกับเอสเอฟมั้ย คงยังตอบอะไรไม่ได้ตอนนี้"

ส่วนการลงทุนนิคมอุตสาหกรรม ตอนนี้ยังเร็วไป อาจใช้เวลาอีก 2-3 ปีค่อยเริ่มลงทุน ช่วงนี้จะเน้นลงทุนคอนโดฯ บ้าน โรงแรม ออฟฟิศให้เช่าก่อน แต่ก็มีที่ดินเตรียมไว้อยู่แล้วที่จังหวัดอ่างทอง

นอกจากนี้กลุ่มสิงห์ยังมีแลนด์แบงก์เก็บไว้มากพอสมควร เช่น จังหวัดเชียงรายมีที่ดินในโครงการสิงห์พาร์คประมาณหมื่นไร่ ทางเข้าวัดร่องขุ่น ปัจจุบันเป็นสถานที่เล่นบอลลูน ขี่จักรยาน ปลูกชาเขียวส่งออกไปญี่ปุ่น ปลูกสตอว์เบอร์รี่, สมุย, ขอนแก่น, อุดรธานี, หัวหิน ก็มีที่ดินระดับหมื่นไร่ต่อจังหวัด

ถึงจะมีแลนด์แบงก์ในมือ เป็นต้นทุน แต่การจะไต่ไปให้ถึงดวงดาว "นริศ" บอกว่า มี 3 สิ่งที่ท้าทายในการบริหารงาน คือ การสร้างรายได้ การสร้างแบรนด์ และการสร้างทีม !

ตอบโจทย์ 5 ปีข้างหน้า

"นริศ" ระบุว่า การสร้างยอดขายถึง 20,000 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า คือสิ่งที่ท้าทาย เพราะบริษัทแม่อยู่มา 80 ปี แต่สิงห์ เอสเตทมีเวลา 5 ปี ส่วนการสร้างแบรนด์ถือว่าบริษัทเป็นน้องใหม่ เร็ว ๆ นี้จะรีแบรนดิ้งโลโก้ใหม่ สัญลักษณ์ยังไม่ทิ้งตัว "S" เหมือนปัจจุบัน แต่จะเป็นสีเหลืองอำพัน

เรื่องทีมงาน ตอนนี้ถือว่าตั้งไข่แล้ว กลุ่มคอนโดฯใช้ทีมงานของบริษัทเอง บ้านมีทีมของเนอวาน่าก็ถือว่าพร้อมแล้ว กลุ่มโรงแรมเดือนกรกฎาคมนี้ก็จะฟูลทีม กลุ่มออฟฟิศมีทีมแล้วและกำลังจะสร้างออฟฟิศสิงห์คอมเพล็กซ์ แยกอโศก-เพชรบุรี

"ตั้งแต่ตั้งบริษัทถึงปัจจุบัน สำหรับผมถือว่าได้เร็วกว่าที่วางเป้าหมายไว้พอสมควร การสร้างทีมเป็นไปตามที่อยากได้"

ซึ่งองค์กรอีก 5 ปีนับจากนี้น่าจะต้องมีโรงแรม 20 แห่ง แต่ละแห่งใช้คนเกือบ 300 คน รวม 5,000 คน ทีมของเนอวานา 200-300 คน กลุ่มออฟฟิศอีก 200-300 คนและอื่น ๆ รวมแล้ว 6,000-7,000 คน

"เราเป็นบริษัทอสังหาฯมีส่วน ผสมของนักลงทุนและพัฒนาเอง ทั้ง 2 อย่างให้น้ำหนักพอ ๆ กัน ส่วนการจดจำแบรนด์สิงห์ในธุรกิจอสังหาฯ คงต้องใช้เวลาพิสูจน์ ถ้าเปิดตัวคอนโดฯที่อโศกกันยายนนี้ จะเห็นภาพชัดขึ้น"

ขณะที่การปรับ ตัวของธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองช่วงนี้ "นริศ" มองว่า ปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ถึงจุดต่ำสุด หลังจากนี้น่าจะค่อยฟื้นตัว การเมืองยังไม่ถึงกับน่าห่วง

การทำธุรกิจจะเลือกทำในเซ็กเมนต์ระดับ บนที่เป็นเรียลดีมานด์และอสังหาฯเชิงท่องเที่ยว ปีนี้การท่องเที่ยวถือว่าดี ภาพรวมเศรษฐกิจถือว่าไม่ได้ส่งผลกระทบกับการทำธุรกิจจนน่าเป็นห่วง เพราะกำลังซื้อตลาดบนไม่ค่อยได้รับผลกระทบ แต่สิ่งที่เป็นเรื่องปราบเซียนคืออารมณ์การจับจ่ายใช้สอย เวลามีอะไรเข้ามากระทบจะเปลี่ยนแปลงเร็ว แต่พอเป็นปกติ ทุกอย่างก็กลับมา เพราะสมัยที่อยู่กับซีพีเอ็นมา 16 ปี ผ่านวิกฤตมา 3 รอบแล้ว พอปกติ ทุกอย่างก็กลับมาเลย ครั้งนี้ก็น่าจะไม่ต่างกัน
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ  ] วันที่ 28-05-2558 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.