|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| เบเยอร์บุกส่งออกแดนมังกร เน้นสีพรีเมี่ยม-มั่นใจสู้ราคา |
|
ตลาดในประเทศไร้ปัจจัยบวกกระเทือนตลาดสีทาอาคาร "เบเยอร์" ตั้งงบฯการตลาด 300 ล้าน ชู 4 โปรดักต์เรือธง "คูล-ชิลด์ ไดมอนด์-ชิลด์ โฟโต้คลีน-อะควา" ย้ำแบรนด์สีอีโค่เพื่อสิ่งแวดล้อม ลงทุนเพิ่มกำลังผลิตจากปีละ 20 ล้านลิตรเป็น 40 ล้านลิตรบุกตลาดจีน
นายวรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานบริหาร กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ เปิดเผยว่า ปีนี้ได้วางงบฯการตลาด 300 ล้านบาท ตอกย้ำเบเยอร์แบรนด์สีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อสุขภาพ เป้าหมายสร้างยอดขายเติบโต 5% หรือ 4.2 พันล้านบาท
ไฮไลต์คือการนำสีทาอาคารและสีย้อมไม้เบเยอร์ 4 รุ่นที่เป็นสินค้าเรือธงสื่อสารตอกย้ำให้ผู้บริโภคทราบถึงคุณสมบัติอย่างชัดเจน ได้แก่ 1) เบเยอร์คูล สีทาอาคารที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวน ช่วยลดอุณหภูมิในบ้านเย็นลง 5 องศาเซลเซียส ค่าไฟฟ้าลดลง 25% 2) เบเยอร์ชิลด์ ไดมอนด์ รับประกันอายุใช้งาน 15 ปี 3) เบเยอร์ชิลด์ โฟโต้คลีน คุณสมบัติฟอกอากาศและสารระเหยจากกลิ่นสี และ 4) เบเยอร์อะควา สีย้อมไม้สูตรน้ำสำหรับผู้ที่แพ้กลิ่นสี
"พิสูจน์แล้วว่าอีโค่เป็นเทรนด์ในผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัว ปัจจุบันบริษัทมีนวัตกรรมใหม่หลายตัวที่กำลังพัฒนา แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่เอื้อ ปีนี้จะใช้วิธีนำรุ่นเดิมมาปรับสูตรให้ดีขึ้นออกวางจำหน่ายก่อน"
สำหรับปีที่ผ่านมาประเมินมูลค่าตลาดรวมสีทุกประเภท 2.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสีทาอาคาร 50% หรือ 1.1 หมื่นล้านบาท สีงานไม้ 25% หรือ 5.05 พันล้านบาท สีประเภทอื่น ๆ 25% หรือ 5.05 พันล้านบาท เช่น สีอุตสาหกรรม เคมีภัณฑ์งานก่อสร้าง ฯลฯ
ล่าสุด บริษัทลงทุน 500 ล้านบาทขยายกำลังผลิตสีเพิ่ม 1 เท่าตัว จากปีละ 20 ล้านลิตร เป็น 40 ล้านลิตร ได้แก่ การติดตั้งเครื่องจักรเพิ่ม การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรเดิมให้ผลิตได้มากขึ้น ใช้พลังงานไฟฟ้าลดลง
ส่วนความคืบหน้านโยบายขยายตลาดต่างประเทศ มีแผนรุกตลาดส่งออกใหม่ ๆ เป้าหมายปีนี้คือเมืองกว่างโจว ประเทศจีน เนื่องจากเป็นเมือง 1 ใน 3 ของจีนที่มีผู้ผลิตสีมากที่สุด หากเบเยอร์แทรกตลาดนี้ได้ ก็น่าจะสร้างโอกาสขายสีได้ทุกเมืองในจีน โดยเน้นสินค้าสีทาอาคารเกรดพรีเมี่ยม
แนวทางเริ่มจาก 1) ตั้งตัวแทนจำหน่าย 2) หาพันธมิตรเป็นคู่ค้า 3) สร้างคลังสินค้าและโรงงานผลิตสีขนาดเล็ก โดยใช้วิธีส่งแม่สีไปผสมที่โรงงาน และ 4) ตั้งโรงงานผลิตสีครบวงจร คาดว่าต้องใช้งบฯ 500 ล้านบาท |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 13-05-2558
|
|
|
|
|
