Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
อสังหาลุ้นฟื้นครึ่งปีหลัง"กนง."ลดดบ.1สลึงช่วยต้นทุนบริษัท-จี้รัฐเร่งลงทุนกระตุ้นกำลังซื้อ |
|
จับตา กนง.ลดดอกเบี้ย 1 สลึงกระตุ้นตลาดอสังหาฯได้หรือไม่ เผยกำลังซื้อที่อยู่อาศัย 2 ไตรมาสแรกซึม ผู้ประกอบการลุ้นครึ่งปีหลังภาพรวมตลาดฟื้น คาดแนวราบโต 5-10% คอนโดฯหัวเมืองต่างจังหวัดยังชะลอตัว ดีเวลอปเปอร์ฝากความหวังรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ-ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยกระตุกความเชื่อมั่นกำลังซื้อ-การลงทุน
ผู้สื่อข่าวสำรวจความเห็นสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์จากผู้ประกอบการ ปรากฏว่าส่วนใหญ่ฝากความหวังไว้กับช่วงครึ่งปีหลัง โดยอยากเห็นรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากกำลังซื้อที่อยู่อาศัยช่วง 4 เดือนแรกค่อนข้างชะลอตัว ประเมินแนวโน้มจะทรงตัวในลักษณะนี้ไปจนถึงสิ้นไตรมาส 2 แม้ว่าล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจาก 1.75% เหลือ 1.50% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ลด ดบ. 1 สลึงช่วยได้นิดหน่อย
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ครึ่งปีหลังอสังหาฯแนวราบจะเติบโต 5% สถิติเปิดโครงการใหม่ 3 เดือนแรกเพิ่มขึ้นจากปีก่อน สะท้อนถึงการกระจายความเสี่ยงจากคอนโดฯมาสู่แนวราบ
ขณะเดียวกัน ตั้งข้อสังเกตสถิติ 2-3 ตัวคือ ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียน 3 เดือนแรกมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯ หลังจากนี้ต้องติดตามว่าโครงการที่สร้างเสร็จการโอนกรรมสิทธิ์ยังเป็นปกติหรือไม่ ถัดมาคือสถิติคอนโดฯเปิดตัวใหม่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ สะท้อนว่าผู้ประกอบการยังเชื่อมั่นการลงทุน
ส่วนการที่ กนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เมื่อ 27 เมษายนที่ผ่านมา จะช่วยเรื่องต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ของผู้ประกอบการ ส่วนการตัดสินใจซื้อบ้านเชื่อว่ามีผลบ้างแต่ไม่มาก เพราะดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยแรกที่มีผลต่อการตัดสินใจ
คอนโดฯต่างจังหวัดขายช้า
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจ 6 เดือนนับจากนี้คาดการณ์ยาก ขณะนี้ยังมองไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังฟื้นตัวชัดเจน แต่มีความหวังอยู่บ้างว่ารัฐบาลจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ หรือเร่งการลงทุนใช้จ่ายภาครัฐ ถึงแม้ไม่มากแต่จะได้ผลด้านจิตวิทยาการลงทุน
สำหรับการเปิดตัวโครงการอสังหาฯครึ่งปีหลัง ต้องเลือกลงทุนอย่างระมัดระวังทั้งโปรดักต์และทำเล ในแง่โปรดักต์โครงการแนวราบยังปลอดภัยกว่าคอนโดมิเนียม ส่วนต่างจังหวัดคอนโดฯขายช้าลงไม่ควรเพิ่มซัพพลายใหม่ ในกรุงเทพฯและปริมณฑลคอนโดฯยังไปได้แต่ต้องระวังคู่แข่งมาเปิดตัวพร้อม ๆ กันในทำเลใกล้เคียง
"แนวโน้มครึ่งปีหลัง การลงทุนแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ปลอดภัยกว่า ส่วนคอนโดฯต้องระวังทั้งเซ็กเมนต์และทำเล เพราะดีมานด์มาจาก 2 กลุ่มคือ ซื้ออยู่จริง 60% ซื้อลงทุน-เก็งกำไร 40%"
แนวราบโตได้อีก 5-10%
นายประสงค์ เอาฬาร กรรมการผู้จัดการ บริษัทโอจีซี เรียลเอสเตท เปิดเผยว่า แนวโน้มอสังหาฯครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น ประเมินภาพรวมโครงการแนวราบเติบโตได้ 5-10% ขึ้นกับ 3 ตัวแปรคือ 1) มาตรการขับเคลื่อนการลงทุนของภาครัฐ 2) ความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ และ 3) การบริโภคในประเทศ หากความเชื่อมั่นดีขึ้นเชื่อว่าการจับจ่ายใช้สอยจะกลับมา
ส่วนปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง 86% ของจีดีพี ไม่อยากให้ตื่นตระหนก อยากให้รัฐบาลลงรายละเอียดว่าเป็นหนี้สินประเภทใดบ้าง เนื่องจากถ้าเป็นหนี้จากการซื้อบ้าน ถือเป็นการออมที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมอสังหาฯครึ่งปีหลังจะเติบโต 5% ภายใต้เงื่อนไขรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งเบิกจ่ายงบประมาณได้ ทำให้ภาคเอกชนมั่นใจลงทุนมากขึ้น เพราะขณะนี้รอสัญญาณชัดเจนจากภาครัฐว่าจะเริ่มลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้เมื่อไหร่ ฯลฯ
ส่วนผลกระทบหนี้ครัวเรือนกับการซื้ออสังหาฯ ถือเป็นโจทย์ของผู้ประกอบการ ทางออกคือการใช้วิธีตรวจสอบสถานะการเงินลูกค้า เพื่อคัดกรองลูกค้าตั้งแต่แรก
ลุ้นการเมืองต้องนิ่ง
นายสมาน ลิ่มทองแท่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซื่อตรงกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่าภาพรวมอสังหาฯผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แนวโน้มครึ่งปีหลังมีโอกาสฟื้นตัวแต่ไม่หวือหวา ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องไม่มีเหตุวุ่นวายทางการเมือง และถ้าการลงทุนภาครัฐชัดเจน ภาคเอกชนจะเชื่อมั่นกล้าลงทุน
ประเมินว่าครึ่งปีหลังจะเห็นผู้ประกอบการเปิดโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑลเพิ่มขึ้น แต่หัวเมืองต่างจังหวัดน่าจะชะลอตัวต่อเนื่อง เพราะราคาสินค้าเกษตรหลายตัวตกต่ำ กระทบเศรษฐกิจแต่ละจังหวัด
"ครึ่งปีหลังเรายังลงทุนแบบระวัง ไม่มีโครงการทำเลเปิดตัวเพิ่ม" นายสมานกล่าว
ความหวังลงทุนภาครัฐ ต้องทำให้เป็นจริง
ในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีวิทยากรรับเชิญคนรุ่นใหม่ไฟแรง "ดร.เบญจรงค์ สุวรรณคีรี" ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย มาบรรยายวิเคราะห์ภาพเศรษฐกิจปีྲྀ ที่เหลืออีก 8 เดือน สรุปสาระสำคัญจีดีพีปีนี้จะเติบโต 3.5% คาดหวังจะฟื้นตัวอย่างเร็วสุดคือไตรมาส 3
โดยมองภาพใหญ่ถึงภาวะเศรษฐกิจโลก มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อน 4 ตัวหลัก คือ เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ 4 ยักษ์ใหญ่"สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน"
เริ่มจาก "สหรัฐ" ก่อนหน้านี้คาดกันว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะขึ้นดอกเบี้ยภายในปีྲྀ แต่ปัจจุบันพบว่าอัตราเร่งการฟื้นตัวของสหรัฐช้าลง
"ยุโรป" ในยูโรโซนประเทศที่มีปัญหามากสุด คือ กรีซ คล้ายไทยปีཤ ที่มีการก่อภาระหนี้สูง แถมอัตราว่างงานสูงถึง 25% นั่นหมายถึงตราบใดที่กลุ่มยุโรปยังต้องเปิดเจรจาแก้ปัญหาหนี้กรีซ ปีนี้เศรษฐกิจฝั่งยุโรปจะยังไม่ฟื้นตัว
"ญี่ปุ่น" แม้เศรษฐกิจเริ่มฟื้น แต่ทะลวงไส้ในสิ่งที่พบคือความสามารถการแข่งขันในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่มลดลง ถูกทดแทนด้วยสินค้าค่ายเกาหลี เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าอิเล็กทรอนิกส์ที่เคยเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งได้กลายเป็นภาพของอดีตไปแล้วในวันนี้
สุดท้าย"จีน" อยู่ในช่วงปฏิรูปประเทศเช่นเดียวกับไทย วิธีจับสัญญาณคือในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงปฏิรูปประเทศ รัฐบาลจีนตั้งเป้าจีดีพีเติบโต 7% แม้ตัวเลขประกาศไตรมาส 1/58 จะได้ 7.0% เป๊ะ
แต่หลังจากนั้นเพียง 2 สัปดาห์ ธนาคารกลางของจีนก็ประกาศให้มีการลดอัตราเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ เหตุผลเพื่อให้สถาบันการเงินมีเงินเหลือไปปล่อยกู้มากขึ้น จึงเป็นที่มาของคำถามว่าเศรษฐกิจจีนดีจริงหรือ และถ้าถดถอยจะลึกขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกตอนนี้ฟันธงว่า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เดียว คือ "จีน"
กลับมาที่ประเทศไทยยังมีสารพัดปัญหา เงินบาทแข็งค่ามากสุดเทียบทุกสกุลเงินในเอเชีย ส่งออกไม่ดีและสัญญาณฟื้นตัวยังไม่เห็น การบริโภค-การลงทุนภาคเอกชนตัวเลขผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่ยังไม่ขยายตัว การลงทุนอุตสาหกรรมยังช้าเพราะไม่มีปัจจัยใหม่มาช่วย ปัจจัยบวกคือท่องเที่ยว แต่ไตรมาส 2 จะเป็นช่องว่างของฤดูกาลเศรษฐกิจเพราะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น
การวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยกับความหวังจะฟื้นตัว ทุกสำนักให้น้ำหนักที่การลงทุนภาครัฐ เพียงแต่สถานะทุกวันนี้เป็น "ความหวัง" แต่ยังไม่เป็น "ความจริง" |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 06-05-2558
|
|
|
|
|