Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
CEO อนันดา รุกดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ปักหมุด "เบอร์หนึ่ง" ตลาดคอนโดฯ |
|
คอลัมน์ สดจากเวที
แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะแข่งขันดุเดือดและเลือดพล่าน แต่ผู้ประกอบการทั้งเก่าใหม่ก็ต้องเดินหน้าไปต่อ ยิ่งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลมหายใจของการบริหารจำเป็นยิ่งที่ต้องท่องคาถา "ห้ามพลาด" แม้แต่ก้าวเดียว ไม่งั้นเซทั้งขบวน
ล่าสุดคลื่นลูกใหม่ของวงการ "ชานนท์ เรืองกฤตยา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ได้เปิดห้องโรงแรมพลาซ่า แอทธินี วิทยุ แถลงผลประกอบการและเปิดแผนธุรกิจอนาคตอย่างละเอียดยิบ โดยมี "ความในใจ" พ่วงให้ข้อคิดมาด้วย
ที่น่าสนใจนอกเหนือจากตัวเลขแล้ว งานแถลงข่าวครั้งนี้ยังได้รับความสนใจจากกลุ่มบล็อกเกอร์มากจนน่าตกใจ สะท้อนให้เห็นว่า แนวทางการรับรู้เรื่องข่าวสารของ "อนันดาฯ" เริ่มเข้าเส้นไปสู่กลุ่มโซเชียลมีเดีย เช่นเดียวกับกลุ่มแสนสิริ โดยค่ายอนันดาระบุว่า แฟนเพจปัจจุบันถึงหลัก 5 แสนคนแล้ว
ทำให้ซีอีโอหนุ่ม "ชานนท์" ทั้งพอใจและมั่นใจ แล้วการแถลงข่าวครั้งนี้มีความหมายยิ่ง เพราะถือเป็น "ปีทอง" ของอนันดาฯ ทั้งในแง่ความนิ่งของแผน โครงสร้างผู้บริหารและผลประกอบการ รวมถึงวิชั่นและมิสชั่น ส่งผลให้แบรนด์คอนโดมิเนียมที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้ามีผู้บริโภครู้จักมากขึ้น
ปีนี้ "อนันดาฯ" จึงประกาศ "เล่น" กับทุกตลาดทุกโปรดักต์ พร้อมกับตอกย้ำถึงนโยบายเข้มงวดเรื่อง "วินัย" ด้านการเงินอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ชานนท์กล่าวว่า ปี 2557 บมจ.อนันดาฯมียอดขายกว่า 20,898 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย เนื่องจากเปิดโครงการใหม่น้อยกว่าแผนที่วางไว้กว่าครึ่ง แต่ยังทำสถิตินิวไฮหลายรายการเมื่อเทียบกับปี 2556 โดยมีรายได้ 10,580 ล้านบาท เติบโต 15% มีกำไรสุทธิ 1,301 ล้านบาท เติบโต 60% อัตรากำไรสุทธิเพิ่มจาก 9% เป็น 12% และมียอดขายรอรับรู้รายได้ หรือแบ็กล็อก ณ สิ้นปีที่ผ่านมา 27,125 ล้านบาท
พร้อมเปิดแผนธุรกิจปี 2558 และกลยุทธ์เพื่อรองรับการเติบโตสู่ยอดรับรู้รายได้ 5 หมื่นล้านบาทในปี 2563 หรือในอีก 6 ปีข้างหน้า ซึ่งเริ่มออกตัวแรงแต่ต้นปีด้วยเป้าหมายสู่ความเป็น "เบอร์หนึ่ง" ของตลาดคอนโดฯ จากปัจจุบันมียอดขายกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท หรืออันดับสองรองจาก บมจ.แอล.พี.เอ็น.ฯ
ปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 9 โครงการ และบ้านแนวราบอีก 3 โครงการ รวม 12 โครงการ มูลค่ารวม 3.15 หมื่นล้านบาท จำนวนนี้จะเปิดช่วงครึ่งปีแรก 7 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดฯ 4 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ
กลยุทธ์การทำตลาด "ชานนท์" บอกว่านอกจากวิธีทั่ว ๆ ไปแล้ว ปีนี้จะให้ความสำคัญกับดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น เพื่อเข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จะให้ความสำคัญกับบล็อกเกอร์และช่องทางโซเชียลมีเดียเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ทั้งจะรักษาฐานลูกค้าสมาชิก AMC : Ananda Member Club เป็นกลุ่มลูกค้าเก่าที่มีแรงซื้อต่อเนื่อง โดยจะเน้นสร้างความสัมพันธ์ผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน สร้างฐานลูกค้ากลุ่มนี้ให้แข็งแกร่ง จะช่วยประหยัดต้นทุนการตลาดได้ถึง 10-15%
เขามองว่า การแข่งขันในตลาดอสังหาฯมีตลอดและไม่ได้ชะลอตัวลง ดุเดือดมาตั้งแต่ปี"50-51 ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทใหม่ ๆ เพราะในวงการมีคู่แข่งเยอะ แต่ละรายมีประสบการณ์และแข็งแกร่ง
แต่คีย์ของอนันดาฯคือ "One Step Ahead" หรือการก้าวเหนือคู่แข่ง 1 ก้าว
บริษัทจึงเลือกวางคอนเซ็ปต์สินค้าเป็นคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก เพราะอนาคตอสังหาฯจะโตไปกับระบบขนส่งมวลชน ความต้องการทำเลใกล้รถไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้น
ปีนี้อนันดาฯจะเล่นเรื่องการขายตั้งแต่ต้นปี โปรโมชั่นเป็นเรื่องที่เล่นกันอยู่แล้ว ดีเวลอปเปอร์อันดับ 1-10 ล้วนแต่เป็นมืออาชีพ แข็งแรง มีบาลานซ์ชีต (งบการเงิน) ที่ดี มีลูกเล่นเรื่องโปรโมชั่นกันอยู่แล้ว
คนที่ไม่ทำอะไรเลยจะเหนื่อยมาก แม้การแข่งขันรุนแรง แต่ดีเวลอปเปอร์จะไม่ทำสงครามราคา เพราะเหมือนฆ่ากันเอง แต่จะหันมาเน้นบริหารต้นทุน วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพมากขึ้น
ปัจจุบันในแวลูเชนบริษัทอสังหาฯจับคู่เป็นพันธมิตรกับผู้รับเหมาหมดแล้วการจับคู่จะช่วยเรื่องต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น หากเป็นมือใหม่ถ้าจะเข้ามาเล่นในตลาดก็ได้ แต่ต้องระวัง ต้องวางโพซิชั่นของแบรนด์ เข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและดูภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้นด้วย
"ชานนท์" กล่าวว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้จะชะลอตัว แต่บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าในตลาดระดับกลางบน มีกลุ่มลูกค้าประมาณ 25-30% ซื้อด้วยเงินสด ขณะที่อัตรากู้ไม่ผ่านหรือรีเจ็กชั่นเรตของบริษัทอยู่ที่ 6% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต ปีนี้ตัดสินใจแตกเซ็กเมนต์ลงมาพัฒนาโครงการคอนโดฯเกาะแนวรถไฟฟ้าราคา 999,000 บาทต่อยูนิตเป็นครั้งแรก ภายใต้แบรนด์ "ยูนิโอ" เพื่อจับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ทำงานในเมือง ต้องการอยู่ใกล้รถไฟฟ้า แต่มีงบฯจำกัด เนื่องจากดีมานด์มากแต่ยังมีช่องว่าง
โดยซีอีโอหนุ่มจะนำร่องเปิดโครงการแรกในทำเลเซอร์ไพรส์ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 ห่างสถานีรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที ท่าพระ ประมาณ 900 เมตร
ออกแบบเป็นอาคาร 8 ชั้น จำนวนยังไม่ระบุ รวม 1,936 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 1,935 ล้านบาท โดยโครงการนี้มีต้นทุนที่ดินไม่เกิน 1 แสนบาทต่อตารางวา และยื่นขอสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอทั้งหมด
"ถ้าการแข่งขันแรง มีโปรดักต์เหมือนกันออกมามาก สิ่งที่จะทำให้เราแข่งขันได้คือ ความได้เปรียบเรื่องของแปลงที่ดิน หรือทำเลที่ดีกว่าคู่แข่ง เราจึงให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อที่ดินทำเลที่ดีมาก ๆ ปีที่แล้วทำสถิตินิวไฮซื้อที่ดิน 18 แปลง ใช้งบฯกว่า 1 หมื่นล้านบาท ปีนี้จะใช้งบฯอีก 4 พันล้าน สำหรับซื้อที่ดินอีก 6-7 แปลง"
เพราะยุคนี้ การออกแบบ การทำตลาด ล้วนตามทันกันหมด "แต่การได้ทำเลดี ๆ กับที่ดินที่นับวันเหลือน้อยลง คือแต้มต่อธุรกิจของเรา" |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 05-03-2558
|
|
|
|
|