|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ตลาดสุขภัณฑ์ไทยเนื้อหอม "สเปน-ยุ่น-มะกัน" รุมชิงเค้กหมื่นล้าน |
|
ปี′57 ไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับเศรษฐกิจไทย จากอัตราการขยายตัวจีดีพีเพียง 1% จากปัจจัยลบรอบด้านทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในแวดวงวัสดุกลุ่ม "สุขภัณฑ์" ที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ยังมีนักลงทุนต่างชาติขยายการลงทุนในประเทศไทย
ยักษ์ใหญ่สเปนจับมือบุญถาวร
"รอคคา ซานิทาริโอ" หรือ "รอคคา กรุ๊ป" ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ระดับท็อปไฟฟ์ของโลกจากประเทศสเปนเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนต่างชาติที่วางเดิมพันขยายตลาดสุขภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยมเข้ามาในประเทศไทยเริ่มจากการเปิดตัวแบรนด์ในงานสถาปนิกช่วงกลางปี′57เพื่อรุกสร้างแบรนด์ในกลุ่มสถาปนิกและมัณฑนากรจากนั้นจึงขยายฐานไปยังเอ็นยูสเซอร์โดยนำร่องเปิดโชว์รูมควบคู่ไปกับโชว์รูมของพาร์ตเนอร์ "บุญถาวร" เมกะดีลเลอร์สุขภัณฑ์และวัสดุตกแต่งรายใหญ่
การเปิดโชว์รูมเริ่มต้นจากหัวเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาและเชียงใหม่ ซึ่งมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มาก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่รู้จักและคุ้นเคยกับแบรนด์ "รอคคา" อยู่แล้ว
เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้อวดโฉมโชว์รูมแห่งแรกในกรุงเทพฯ พื้นที่ 140-150 ตารางเมตร บนชั้น 2 ของโชว์รูมบุญถาวร สาขาเกษตร-นวมินทร์ ใช้งบฯสาขาละ 4-5 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาท และเติบโตปีละ 30-40% ในระยะยาว และการเพิ่มสัดส่วนลูกค้ารายย่อยหรือเอ็นยูสเซอร์เป็น 60-70% ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันรายได้หลักมาจากลูกค้างานโครงการ อนาคตมีแผนขยายสาขาต่อเนื่องอีก 3-5 สาขาในปีนี้ไปกับสาขาของบุญถาวร เช่น สาขารัชดาภิเษก บางนา เป็นต้น นอกจากนี้ยังวางแผนหาดีลเลอร์ท้องถิ่นในจังหวัด ที่บุญถาวรยังไม่เข้าไปทำตลาดด้วย
"ดีเอโก้ เมนซ์" ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจองค์กร "รอคคา ประเทศไทย" ระบุถึงการบุกตลาดสุขภัณฑ์เมืองไทยว่า ศึกษาตลาดเมืองไทยมากว่า 10 ปีแล้ว เห็นศักยภาพลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับกลาง-บน ตรงกับตลาดของรอคคา
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันก็สูงมากเพราะมีโลคอลแบรนด์ที่เข้มแข็ง และมีแบรนด์ระดับโลกเข้ามาก่อนแล้วหลายแบรนด์การเข้ามาทำตลาดจึงต้องมีพาร์ตเนอร์ที่คุ้นเคยกับตลาด-พฤติกรรมผู้บริโภคและมีช่องทางจำหน่ายที่เหมาะสมต่างจากในมาเลเซียและอินโดนีเซียที่บริษัทเข้าไปเทกโอเวอร์กิจการและใช้แบรนด์ท้องถิ่นในการทำตลาด
"มองว่าเป็นจังหวะเหมาะที่ทำตลาดในไทยเราไม่ได้คาดหวังดีมานด์จากคนไทยเท่านั้น แต่มองไทยเป็นฐานส่งสินค้าขายในประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียนด้วย ได้แก่ สหภาพเมียนมาร์ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม อนาคตหากมียอดขายแตะปีละ 5 แสนชิ้น ก็มีโอกาสที่บริษัทจะลงทุนตั้งโรงงานในไทย" ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจองค์กรรอคคาฯระบุ
ลิกซิลเปิดแฟลกชิปโชว์รูม
ทั้งนี้ รอคคาถือเป็นสุขภัณฑ์โกลบอลแบรนด์รายล่าสุดที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ตามหลังแบรนด์ดังอย่างอเมริกันสแตนดาร์ดที่เพิ่งถูก "ลิกซิล" บริษัทวัสดุยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นเจ้าของแบรนด์สุขภัณฑ์ "อิแน็กซ์" ควบรวมกิจการต้นปี"57 ขณะที่ในไทยมีแบรนด์อินเตอร์อย่าง "โคห์เลอร์" จากสหรัฐ และ "โตโต้" ผู้นำสุขภัณฑ์อัจฉริยะจากญี่ปุ่น ที่เข้ามาทำตลาดในไทยนานแล้ว
โดยแบรนด์อเมริกันสแตนดาร์ดเข้ามาทำตลาดสินค้ากลุ่มสุขภัณฑ์ในไทยกว่า45ปีเน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางบน ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งดีลเลอร์และงานโครงการ ปัจจุบันมีลูกค้างานโครงการและค้าปลีกสัดส่วน 50 : 50
ล่าสุดเปิดตัวแฟลกชิปโชว์รูมขนาด 2,200 ตารางเมตร ที่ CDC-คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ใช้งบฯ 45 ล้านบาท ในโชว์รูมมีมุมออกแบบไว้บริการลูกค้ากลุ่มสถาปนิกและอินทีเรียร์ด้วย นอกจากนี้ ยังมีการนำสุขภัณฑ์อัจฉริยะแบรนด์อิแน็กซ์ในเครือลิกซิลเข้ามาทำตลาดด้วย
"โคห์เลอร์" รุกอาเซียน
ฟาก "โคห์เลอร์" ที่เทกโอเวอร์โรงงานกะรัตหลังวิกฤตฟองสบู่ เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจริงจังปี′45 และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น โคห์เลอร์ (ประเทศไทย) ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ระดับกลางบนเป็นหลักโดยใช้แบรนด์โคห์เลอร์และกะรัต ทั้งยังใช้แบรนด์แองเกิลฟิลด์สำหรับสินค้ากลุ่มก๊อกน้ำ เพื่อรุกตลาดในไทยและใช้เป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก
"ลอร่า โคห์เลอร์" รองประธานอาวุโสสายงานทรัพยากรบุคคล "โคห์เลอร์กรุ๊ป" วางนโยบายพัฒนาบุคลากรและขยายกำลังการผลิตของโรงงานในประเทศไทย สำหรับใช้เป็นฐานการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศอาเซียน เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสการแข่งขัน-ขยายตัวของตลาดสุขภัณฑ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่ออาเซียนรวมตัวกันเป็นตลาดเดียวในช่วงปลายปีนี้
โตโต้ย้ำแบรนด์ไฮเอนด์
ส่วนโตโต้เข้ามาทำตลาดสุขภัณฑ์ในเมืองไทยตั้งแต่ปี2529ร่วมทุนกับเอสซีจี-บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ตั้งบริษัทร่วมทุน 3 บริษัท คือ บจ.โตโต้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) บจ.สยาม ซานิทารีแวร์ และ บจ.สยาม ซานิทารีฟิตติ้ง ผลิตสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำแบรนด์ "โตโต้" และ "คอตโต้" ใช้วิธีการทำตลาดร่วมกันหรือโคมาร์เก็ตติ้งและวางโพซิชั่นสินค้าแบบแยกกันตีตลาด โดยคอตโต้ทำตลาดกลาง ส่วนโตโต้เน้นตลาดบน
อย่างไรก็ตาม หลังจากเอสซีจีตัดสินใจยกระดับแบรนด์คอตโต้เป็นโกลบอลแบรนด์ มีนโยบายขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น
โตโต้จึงเจรจาขอขายหุ้นทั้งหมดที่โตโต้ถืออยู่ใน บจ.สยาม ซานิทารีแวร์ และ บจ.สยาม ซานิทารีฟิตติ้ง ให้กับเอสซีจี และขอซื้อหุ้นของเอสซีจีทั้งหมดที่ถืออยู่ใน บจ.โตโต้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) เพื่อแยกกันทำตลาดอย่างชัดเจน แต่เป็นการแยกกันด้วยดีและยังคงทำธุรกิจร่วมกันในลักษณะ OEM-Original Equipment Manufacturer ปัจจุบันโตโต้เน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์อัจฉริยะระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ เน้นการทำตลาดผ่านการขายโครงการเป็น 60% และขายปลีกอีก 40%
สำหรับตลาดสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำตลาดพรีเมี่ยม หรือเซ็กเมนต์กลางบนในประเทศไทย "ฐิติพงศ์ ดาวพิเศษ" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดอาวุโส บริษัท ฮาโก้ กรุ๊ป (1991) จำกัด ให้ข้อมูลว่า มีมูลค่ารวมประมาณ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดสุขภัณฑ์ประมาณ 8,000 ล้านบาท และก๊อกน้ำอีก 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันผู้นำตลาดเป็นโลคอลแบรนด์อย่าง "คอตโต้" ในเครือเอสซีจี ขณะที่อเมริกันสแตนดาร์ดมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ตามด้วยโคห์เลอร์และโตโต้ตามลำดับ
งานนี้เชื่อว่าตลาดสุขภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ในไทยจะแข่งขันกันสนุก ระหว่างบิ๊กแบรนด์ระดับโลกและแบรนด์ไทยที่เหลือเพียงไม่กี่แบรนด์ อย่างคอตโต้และโมเก้นของตระกูลศรีสกุลภิญโญ อย่างแน่นอน |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 16-01-2558
|
|
|
|
|
