Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ผ่ามุมมองเอ็มดีใหม่ "ปริญสิริ" อสังหาฯ ปี"58 กลุ่มราคา 3-4 ล้านเหนื่อยสุด |
|
เว้นวรรคจากการเป็นข่าวมาครึ่งปีกว่าสำหรับค่าย "ปริญสิริ" บริษัทมหาชนที่พัฒนาทั้งโครงการแนวราบ แนวสูง คอมมิวนิตี้มอลล์ มียอดขายต่อปีกว่า 2,000 ล้านบาท
ล่าสุด 6 เดือนก่อนหน้านี้ปริญสิริได้เปลี่ยนแม่ทัพคนใหม่จาก "ชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย" ที่ขอลาออกไปดูแลธุรกิจส่วนตัว มาเป็น "อุเทน คงสุนทรกิจกุล" กรรมการผู้จัดการคนใหม่ บมจ.ปริญสิริ อดีตนายแบงก์สายสินเชื่อโครงการธนาคารนครหลวงไทย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาเปิดตัวกับสื่อมวลชนครั้งแรกในบรรยากาศเป็นกันเอง พร้อมด้วย "คุณป้าสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย" ประธานคณะผู้บริหาร พร้อมกับ "ปริญญา โกวิทจินดาชัย" ทายาทธุรกิจรุ่น 2 ของปริญสิริ บทสัมภาษณ์ในวันนั้นจึงมีแง่มุมการวางแผนธุรกิจฝ่าด่านเศรษฐกิจปี 2558 ที่น่าสนใจ
- บรรยากาศไตรมาส 4/57
ไม่ค่อยดี กำลังซื้อชะลอตัวกว่าที่คาดจากภาวะเงินฝืดและหนี้ครัวเรือน เราทำแคมเปญแต่ไม่ค่อยได้ผล ยอดขายปีนี้น่าจะจบที่ 2,300 กว่าล้านบาท จากเป้าหมาย 2,500 ล้านบาท ปี"58 ทำแผนธุรกิจเสร็จแล้วแต่ขอดูสถานการณ์เศรษฐกิจอีกสักพัก เพราะยอดขายช่วง 1-2 เดือนนี้ไม่ค่อยดี จะมีรีวิวแผนหรือไม่ต้องตัดสินใจอีกครั้ง
- มองตลาดอสังหาฯปี"58
ประชาชนระดับรากหญ้าเหนื่อย ราคาสินค้าเกษตร ข้าว ยาง น้ำตาล ไม่ดี มันสำปะหลังก็แย่มาหลายปี การท่องเที่ยวก็ยังติดเรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนไม่กล้าเข้ามาไทย เพราะประกันไม่คุ้มครอง
ในฐานะอดีตนายแบงก์ผมวิเคราะห์ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไม่น่าจะฟื้นตัวเร็ว สถาบันการเงินจะเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อต่อไป สรุปว่าปี"58 ผู้ประกอบการยังต้องเหนื่อย การพัฒนาโครงการ 1.ทำเลต้องดี 2.โปรดักต์ต้องใช่ มองว่าต้องทำบ้านราคาสูง 10 ล้านขึ้นไป หรือลงตลาดล่างยูนิตเริ่มต้น 1 ล้านไปเลย
ส่วนตลาดระดับกลางราคา 3-4 ล้าน ถ้าจับตลาดกลุ่มนี้จะเหนื่อยเพราะลูกค้าส่วนหนึ่งทำธุรกิจเอสเอ็มอี ทำการค้าแบบใช้เงินหมุน ขายของได้เงินวันรุ่งขึ้นก็ต้องซื้อของเข้าร้าน จึงไม่ได้เดินบัญชีธนาคารสม่ำเสมอ เมื่อซื้อบ้านเวลากู้จะผ่านยากกว่าพนักงานบริษัททั้งที่รายได้ถึงอยู่แล้ว ดังนั้น ปี"58 โครงการใหม่จะกระจายเซ็กเมนต์
- ราคาน้ำมันลดลงมีผลอย่างไร
ทางตรงก็คือ ต้นทุนค่าก่อสร้างคงลดลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ดินแพงขึ้นมาก ขณะที่รัฐบาลมีนโยบายลงทุนโครงการรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ คาดว่าความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างบางตัวเพิ่มขึ้น เช่น ซีเมนต์ เหล็ก ฯลฯ ตอนนี้กำลังคุยกับผู้ผลิตวัสดุ เจรจาล็อกราคาสินค้าล่วงหน้า 6 เดือน
ส่วนผลจากราคาน้ำมันปรับลดลงมองว่ามีทั้งบวกและลบ ผลบวกคือค่าขนส่งถูกลงแต่จะมีผลกระทบกับราคาสินค้าเกษตรบางตัวเช่น ยางพาราราคาอาจจะตกลงอีก เพราะสินค้าทดแทนอย่างยางสังเคราะห์ที่ผลิตจากเคมีภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน ถ้าน้ำมันลงต้นทุนยางสังเคราะห์จะถูกลง
- ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างไร
เรากระจายความเสี่ยงธุรกิจ ขยายไลน์ทำคอมมิวนิตี้มอลล์ชื่อเพลินนารี่มอลล์ ถนนวัชรพล และแตกไลน์บริษัทลูกปริญเอนเนอร์จี ทำโซลาร์รูฟ (หลังคาโซลาร์เซลล์)
ส่วนแผนลงทุนปี"58 เปิด 3 โครงการใหม่กระจายทั้งบ้าน-คอนโดฯมูลค่าโครงการรวม 5,100 ล้านบาท คือ 1.โครงการแนวราบช่วงถนนศาลายาเข้านครชัยศรี มีที่ดินทั้งหมด 100 ไร่ จะเปิดทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด คอนโดฯ มูลค่าโครงการรวม 4,000-5,000 ล้านบาท โครงการนี้คุณสิริลักษณ์ (ประธาน) จัดเต็ม
เราสร้างแค่ 7 ชั้น แทนที่จะทำ 8 ชั้น ทำให้ได้เพดานสูงต่อชั้นถึง 2.8 เมตร กระเบื้องใช้รุ่นตารางเมตรละ 900 บาท 2.ทาวน์โฮมซิตี้เซนส์ ท่าข้าม มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท 3.ทาวน์โฮมซิตี้เซนส์ รามอินทรา 109 มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท
ขณะที่ปี"57 เปิด 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,000 ล้านบาท ถือว่าค่อนข้างเยอะ เป็นแนวราบ 5 โครงการ ในจำนวนนี้มีทาวน์โฮม 3 ชั้น ทำเลใกล้เมืองแบรนด์ใหม่ "โคราซอน" กับคอนโดมิเนียม 1 โครงการ คือ เซล รัตนาธิเบศร์ ห่างสถานีรถไฟฟ้าพระนั่งเกล้า 400 เมตร เฟสแรกบนที่ดิน 10 ไร่ จากทั้งหมด 13 ไร่ เราบริหารความเสี่ยงโดยพัฒนาเป็นตึก 8 ชั้น 8 อาคาร แทนที่จะทำตึกสูง
- ปี"58 ห่วงอะไรมากที่สุด
(นิ่งคิด) คงเป็นการเมือง คนทำธุรกิจขอให้นิ่ง ตอนนี้มองทิศทางการเมืองข้างหน้าก็ยังไม่เคลียร์ มีความเสี่ยง ดังนั้น การวางแผนธุรกิจต้องให้น้ำหนักการเมืองค่อนข้างมาก เพราะเป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูงและต้องพึ่งการกู้แบงก์ ถ้าแบงก์ไม่มั่นใจก็จะปล่อยสินเชื่อยากขึ้น |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 08-01-2558
|
|
|
|
|