|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| ม้าตีนปลาย...ทางเลียบเจ้าพระยา |
|
ด้วยความชื่นชอบปั่นจักรยานเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้สองพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ "บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา" และ "บิ๊กป๊อก-พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" ออกแรงแข็งขันดันโปรเจ็กต์ทางเลีบยแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นจริง โดยมีโมเดลประเทศเกาหลีใต้เป็นต้นแบบ เป้าหมายโครงการนี้ไม่แค่ส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้จักรยานมากขึ้น แต่ในใจลึกๆ แล้ว รัฐบาลบิ๊กตู่อยากใช้จัดระเบียบริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ถูกรุกล้ำมานานให้สวย งามทัดเทียมต่างประเทศ
นาทีนี้กล่าวได้ว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมอย่าง ยิ่ง เมื่อคนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนอีกคนเป็นเบอร์1กระทรวงคลองหลอด จึงทำให้โครงการนี้ผ่านการพิจารณาอนุมัติของ "ครม.-คณะรัฐมนตรี" แบบฉลุย เพื่อให้โครงการตั้งไข่ได้ทันภายในรัฐบาลนี้ โดยมี "กทม.-กรุงเทพมหานคร" หน่วยงานปกครองท้องถิ่นสังกัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ออกแบบรายละเอียดและก่อสร้าง
เบื้องต้น "กทม." ออกแบบไว้คร่าว ๆ จะสร้างทางยื่นออกไปจากริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งละประมาณ 16 เมตร (เทียบเท่าถนน 4 ช่องจราจร) โดยตอม่อจะก่อสร้างอยู่ในน้ำ ประกอบด้วย ทางสำหรับจักรยาน ทางคนเดิน ช่วงไหนที่เป็นโค้งเว้าแม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะพัฒนาเป็นศาลาที่พักริมแม่น้ำและสวนสาธารณะ หรือจะเป็นลานกิจกรรมสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ตลอดจนไว้สำหรับออกกำลังกาย
อีกทั้งจะเนรมิตสถานที่สำคัญตามรายทางให้เป็นจุดท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม โบราณสถาน อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ไว้รองรับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติที่มีรสนิยมหลงใหลการท่องเที่ยวริม น้ำ
สำหรับแนวเส้นทาง ตัวโครงการปักหมุดจาก "สะพานพระราม 3" พาดยาวถึง "สะพานพระนั่งเกล้า" สร้างเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาสองฝั่ง ฝั่งละ 25 กม.รวมระยะทาง 50 กม.ใช้เงินก่อสร้างประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ทางกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้สนับสนุนเม็ดเงินทั้งหมด
โครงการนี้เริ่มนำ ร่องเฟสแรก "สะพานพระปิ่นเกล้า-สะพานพระราม 7" ระยะทาง 14 กม.หรือฝั่งละ 5-7 กม.ค่าก่อสร้าง 7-8 พันล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี ตั้งเป้าตอกเข็มต้นแรกปลายปี 2558 แล้วเสร็จภายในปี 2560-2561
ความ คืบหน้าล่าสุด "กทม." ลงเรือร่องแม่น้ำเจ้าพระยาดูสภาพพื้นที่จริง เก็บเป็นข้อมูลไว้ออกแบบรายละเอียดให้สอดรับกับพื้นที่สำคัญ อาทิ โบราณสถาน วัดวาอารามต่าง ๆ
ขณะเดียวกัน เพื่อให้งานรุดหน้า ทาง "บิ๊กตู่" จึงส่ง "บิ๊กป้อม-พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นั่งเป็นประธานคณะทำงานคุมการผลิตของโครงการทุกขั้นตอน เพื่อไขข้อ ข้องใจ "พลเอกอนุพงษ์" กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า คณะทำงานชุดนี้จะดูทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การออกแบบยังไงไม่ให้กระทบกับพื้นที่ กฎหมายต่าง ๆ เพราะมีหลายหน่วยงานมาเกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ภาพใหญ่คาดว่าจะเริ่มสร้างได้ในเดือนกันยายน 2558 ทั้งโครงการมีระยะทางบวกกันประมาณ 50 กม.สร้างฝั่งละ 25 กม.โดยพัฒนาเป็นเฟส ๆ
เฟส แรกสร้างฝั่งละประมาณ 7 กม.ทาง กทม.เสนอทำก่อนในช่วงสะพานพระราม 7-สะพานพระปิ่นเกล้า ในทางปฏิบัติ คณะทำงานจะพิจารณาลงลึกรายละเอียดพื้นที่ว่าต้องแก้ปัญหาอะไรบ้าง เพราะบางจุดมีชุมชน สถานที่ราชการ วัด ที่จะต้องเคลียร์พื้นที่ไม่ให้เป็นอุปสรรค เป้าหมายคือการก่อสร้างจะต้องเริ่มแน่นอนตามแผน
"เงินลงทุนยังไม่ สรุปจะใช้เท่าไหร่ รอดูแบบรายละเอียดและความต้องการที่จะสร้าง จะใช้เงินงบประมาณ ซึ่งทาง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ จะจัดสรรมาให้"
ด้าน "หม่อมอุ๋ย-ม.ร.ว.ปรีดิยาธร" ก็ย้ำชัด โครงการนี้มีเงินมาสร้างแน่นอน เพราะไม่ได้ใช้แค่ปีเดียว เป็นแผนพัฒนาหลายปี สามารถจัดสรรงบประมาณผูกพันว่าปีไหนใช้เท่าไหร่ รอแค่กระทรวงมหาดไทยนำเสนอโครงการที่มีรายละเอียดชัดเจนว่าจะสร้างกี่ปี
ขณะ ที่ความรับผิดชอบในส่วนกระทรวงคมนาคม "บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" เจ้ากระทรวงได้กำชับให้อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) ดูสถานีเรือโดยสารที่จะสร้างใหม่ให้สอดรับกัน
ส่วนประเด็นข้อกฎหมาย นั้น เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นนโยบายรัฐบาลที่เอาจริงเอาจังทุกอย่างจึงผ่าน ฉลุย แม้แต่การขออนุญาตใช้พื้นที่ลำน้ำจากกรมเจ้าท่า หรือจะเป็น การทำ "อีไอเอ-รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม" ก็ไม่ติดขัด ถึงแม้มูลค่าลงทุนจะเป็นโครงการระดับเมกะโปรเจ็กต์ แต่หน่วยงานมีการรีดีไซน์เล็กน้อย โดยตัดทางเดินรถสาธารณะออกไป (เหลือแต่ทางคนเดิน กับทางรถจักรยาน) ทำให้ทางสายนี้ไม่ใช่ถนนที่เปิดให้รถยนต์ใช้สัญจรและใช้เชิงพาณิชย์อย่าง มอเตอร์เวย์ เงื่อนไขอีไอเอจึงถูกปลดล็อกไปโดยปริยาย
ในอนาคตถ้าหาก โครงการนี้ไม่แท้งกลางคัน ทางเลียบสายใหม่ริมเจ้าพระยาฝั่งละ 16 เมตรจะเป็นพื้นที่คืนความสุขให้กับคนกรุงได้ไม่น้อยเลยทีเดียว |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 31-12-2557
|
|
|
|
|
