|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| จัดสรรรายกลาง-เล็กตั้งการ์ดสู้ศก. รื้อสเป็กวัสดุ-รีดีไซน์แบบบ้านลดต้นทุน-เพิ่มดาวน์สกัดกู้ไม่ผ่าน |
|
อสังหาฯรายกลางปรับกลยุทธ์รับความเสี่ยงปีྲྀ ทั้งปัจจัยหนี้ครัวเรือนสูง กำลังซื้อชะลอตัว แบงก์เข้มงวดสินเชื่อ "กลุ่มเปี่ยมสุข" รีวิวแบบใหม่ กดราคาต่ำลงอีก 5% "สัมมากร" รับมือปัญหาหนี้ครัวเรือน ขยับเซ็กเมนต์เปิดบ้านระดับบน 7-8 ล้านบาท "บิ๊กทรีแอสเสท-กลุ่มบัวทอง" ควบคุมกระแสเงินสด-แบ่งเฟสโครงการลดเสี่ยง "ธารารมณ์" สกรีนลูกค้าแก้ปัญหาลูกค้ากู้ไม่ผ่านสูง "ซื่อตรง" เพิ่มจุดขายบ้านสั่งสร้างให้ลูกค้าเลือกวัสดุได้
นายปรีชา กุลไพศาลธรรม กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทเปี่ยมสุข ผู้ประกอบการอสังหาฯรายกลาง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีหน้าเป็นปีที่ต้องวางแผนธุรกิจอย่างระมัดระวัง สิ่งที่เป็นห่วงคือกำลังซื้อที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวได้แค่ไหน จากบรรยากาศไตรมาสสุดท้ายปีนี้ไม่คึกคักอย่างที่คาดไว้
เปี่ยมสุขรีวิวแบบบ้านคุมราคา
แผนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่าขายรวม 1.9 พันล้านบาท นำแบบบ้านบางโครงการมาทบทวนดีไซน์-สเปกวัสดุ ได้แก่ 1)โครงการทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ช่วงถนนกาญจนาภิเษกตัดถนน 345 ราคายูนิตละกว่า 4.2 ล้านบาท 2)โครงการบ้านแฝดติดทางขึ้น-ลงทางด่วนศรีสมาน ราคายูนิตละ 4.5 ล้านบาท นำมารีวิวแบบใหม่ เป้าหมายคือกดราคาต่ำกว่าเดิม 5% ให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะซื้อในช่วงเศรษฐกิจชะลอ
3)ที่ดินกว่า 20 ไร่ โซนบางบัวทอง เดิมจะพัฒนาบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝด แต่ปรับแบบใหม่ เป็นไฟติ้งแบรนด์ทาวน์เฮาส์2 ชั้น ที่ดิน 20 ตารางวา ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.9 ล้านบาท เพื่อทำราคาให้จูงใจผู้บริโภค และ 4)โครงการทาวน์โฮมตรงข้ามเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ราคา 3.2 ล้านบาท ไม่ได้ปรับแบบเนื่องจากยูนิตไม่มาก
สัมมากรปรับกลยุทธ์จับตลาดบน
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บมจ.สัมมากรเปิดเผยว่า ปัญหาหนี้สินครัวเรือนจะมีผลต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัยปีหน้า โดยเฉพาะบ้านราคาไม่เกิน 3-4 ล้านบาท น่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าบ้านระดับบนตั้งแต่ 7-8 ล้านบาทขึ้นไป ปี 2558 สัมมากรจึงปรับแผนธุรกิจใหม่ เน้นลูกค้าระดับบนมากขึ้น จากเดิมพัฒนาทำบ้านเดี่ยว 4-5 ล้านบาท
โดยจะเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ 1)บ้านเดี่ยวโซนราชพฤกษ์ จำนวนกว่า 100 ยูนิต ราคา 7-8 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 30 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และ 2)โครงการทาวน์เฮาส์โซนรามคำแหง บนที่ดินกว่า 30 ไร่ จากเดิมจับกลุ่ม 2 ล้านบาทบวกลบ จะขยับขึ้นมาเป็นยูนิตละ 2.9 ล้านบาท และแบ่งเฟสเพื่อลดความเสี่ยง
"บิิ๊กทรีฯ" ตุนกระแสเงินสด
นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ กรรมการบริหาร บจ.บิ๊กทรี แอสเสท ผู้พัฒนาคอนโดฯเกาะแนวรถไฟฟ้า เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจอสังหาฯปีหน้าคงไม่เติบโตกว่าปีนี้มากนัก สิ่งที่ปรับตัวคือสำรองแคชโฟลว์หรือกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น เช่น ค่าก่อสร้างช่วงเศรษฐกิจปกติสำรอง 3 เดือน จะเพิ่มเป็น 6 เดือน เนื่องจากกำลังซื้อชะลอตัว ดังนั้นปีหน้าจะไม่ขยายการลงทุนมาก จะเปิดโครงการทรีคอนโดแห่งเดียว ในซอยสุขุมวิท 50 เป็นตึกสูง 8 ชั้น จำนวน 120 ยูนิต เริ่มต้นแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 30 ตารางเมตร คาดว่าราคาตารางเมตรละ 90,000-100,000 บาท
นายไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทบัวทองพร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ปีหน้าต้องทำธุรกิจอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายกลาง-รายเล็ก จะถูกสถาบันการเงินปล่อยพรีไฟแนนซ์หรือสินเชื่อโครงการรัดกุมกว่ารายใหญ่
กรณีบัวทองฯซึ่งพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเองด้วย จากช่วงก่อนน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 สถาบันการเงินเคยปล่อยพรีไฟแนนซ์ 70-80% ของค่าก่อสร้าง ปัจจุบันให้กู้เหลือ 40-50% และปีหน้ายังเข้มงวดอยู่ ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินแปลงใหญ่โซนบางบัวทอง 60 ไร่ เตรียมพัฒนาโครงการปีหน้า เพื่อลดความเสี่ยงจะแบ่งพัฒนา 3 เฟส เฟสละประมาณ 20 ไร่ เป็นบ้านแฝด บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์
ธารารมณ์สกรีนลูกค้า
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพร์ส เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารระมัดระวังและเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อรายย่อย เนื่องจากตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงถึง 83% ในจำนวนนี้เป็นหนี้ส่วนบุคคล เช่น หนี้บัตรเครดิต ผ่อนรถ ส่งผลให้อัตรากู้ไม่ผ่านเพิ่มขึ้น ปัจจุบันลูกค้าธารารมณ์มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 17% โดยเฉพาะลูกค้าระดับกลาง คาดการณ์ปีหน้าแนวโน้มกู้ไม่ผ่านจะเพิ่มขึ้นแต่ไม่เกิน 20% ผู้ประกอบการต้องสกรีนลูกค้า ประสานธนาคารตรวจสอบเครดิตบูโรให้เร็วขึ้นเหลือ 3-4 วันรู้ผล ขณะเดียวกันก็เพิ่มสัดส่วนและเวลาดาวน์บ้าน ให้ลูกค้ามีโอกาสกู้ผ่านมากขึ้น
"ซื่อตรง" ชูบ้านปรับแต่งได้
นายรุ่งรัตน์ ลิ่มทองแท่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซื่อตรง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า การแข่งขันปีหน้าน่าจะรุนแรงขึ้นเนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ต้องเติบโตทุกปี ดังนั้น ซื่อตรงซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายกลางต้องปรับตัวสร้างจุดขายให้กับโครงการกรณีเป็นโครงการบ้านสั่งสร้าง จะเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุบางอย่างเองได้ เช่น สีทาภายใน กระเบื้อง ฯลฯ จะมีสถาปนิกประสานงานกับลูกค้า เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่จะกำหนดวัสดุตายตัวมาตั้งแต่เริ่มแรก
แนะคุมหนี้สินต่อทุนไม่เกิน 2 เท่า
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาฯยังมีช่องว่างของตลาดสำหรับผู้ประกอบการรายกลาง-รายเล็ก แต่ผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัว ได้แก่ 1)ควบคุมหนี้สินต่อทุนไม่ควรเกิน 2 เท่า ไม่ขยายธุรกิจเกินตัว 2)ลงทุนในทำเลที่ถนัด โครงการที่ชำนาญ รวมถึงหาจุดขาย และ 3)ควบคุมต้นทุน โดยอาจรับเหมาก่อสร้างเองหรือมีผู้รับเหมาเป็นพาร์ตเนอร์ นอกจากนี้ ต้องพัฒนาการก่อสร้างเป็นระบบสำเร็จรูป เพื่อลดแรงงานและสร้างบ้านเร็วขึ้น |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 26-12-2557
|
|
|
|
|
