|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| นักวิชาการหนุนรัฐบังคับใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง |
|
ดร.ดวงมณี เลาวกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในงานเสวนาภาษีที่ดินและมรดกใครมี ใครจ่าย ใครได้ประโยชน์ว่า จากการศึกษาร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (พร็อพเพอร์ตี้แท็กซ์) ที่จะนำมาใช้ทดแทนภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนและที่ดิน มีความเห็นว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญกับพร็อพเพอร์ตี้แท็กซ์เป็นอันดับแรกในการปฏิรูปภาษี เพราะช่วยกระจายการถือครองที่ดินและหลบเลี่ยงภาษีได้ยากกว่าภาษีการรับมรดก เนื่องจากเป็นการคำนวณภาษีจากความมั่งคั่งที่แท้จริง โดยผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินที่มีมูลค่าสูงจะต้องเสียภาษีมากกว่าผู้เป็นเจ้าของที่ดินมูลค่าต่ำ และใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์ปัจจุบันเป็นฐานเก็บภาษี มีหลักเกณฑ์ประเมินชัดเจนช่วยลดโอกาสทุจริตของเจ้าพนักงาน
ทั้งนี้ พร็อพเพอร์ตี้แท็กซ์จะเป็นการขยายฐานภาษีให้กว้างขึ้น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเองมากขึ้นเนื่องจากทุกคนต้องเข้าสู่ระบบภาษี โดยประเมินว่ารัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30,000-40,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2551-2556 รัฐมีรายได้จากภาษีบำรุงท้องที่และภาษี 18,434 20,245 15,199 20,399 23,054 และ 25,644 ล้านบาทตามลำดับ
อนึ่ง ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กำหนดประเภทที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถูกจัดเก็บภาษีเป็น 4 กลุ่ม พร้อมทั้งปรับเพดานจัดเก็บภาษีให้สูงขึ้นจากร่างเดิม ได้แก่ 1) ที่ดินเกษตรกรรม จากร่างเดิมไม่เกิน 0.05 ของราคาประเมินทุนทรัพย์ ปรับเพดานภาษีเป็นไม่เกิน 0.5% 2) ที่อยู่อาศัย จากเดิม 0.1% ปรับเป็นไม่เกิน 1%
3) ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั่วไป เช่น ใช้ปล่อยเช่าเชิงพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ จากเดิมไม่เกิน 0.5% ปรับเพดานภาษีเป็น 4% และ 4)ที่ดินรกร้างว่างเปล่า จัดเก็บไม่ต่ำกว่าอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั่วไป และกรณีปล่อยรกร้างต่อเนื่องทุก 3 ปี จะปรับภาษีขึ้น 1 เท่าตัว แต่เพดานสูงสุดไม่เกิน 4% นอกจากนี้สามารถหักค่าบำรุงรักษาสิ่งปลูกสร้างหรือห้องชุดได้ 1% ต่อปี แต่สูงสุดไม่เกิน 10% |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 08-12-2557
|
|
|
|
|
