|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| สะพาน-อุโมงค์-ทางลอด โมเดลแก้ "จุดตัดรถไฟ" ทั่วประเทศ |
|
เกิดเหตุเขย่าขวัญเป็นรายวันกับอุบัติเหตุรถยนต์ประสานงากับรถไฟ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมานักต่อนัก จากสถิติย้อนหลังปี 2551-2555 มีจำนวน 728 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 294 คน ปัจจัยหลักมาจากจุดตัดทางรถไฟ
ปัจจุบัน "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" มีจุดตัดทางรถไฟทั่วประเทศ 2,517 แห่ง มากที่สุด "ภาคใต้" 1,152 แห่ง "ภาคอีสาน" 588 แห่ง "ภาคตะวันออก"415 แห่ง และ"ภาคเหนือ" 362 แห่ง
ขณะที่การแก้ปัญหาที่คาดว่าจะเป็นการถาวรที่สุด คือ ก่อสร้างรถไฟฟ้าและทางคู่ เพราะจะสร้างทางยกระดับข้ามจุดตัดทำให้ลดอุบัติเหตุได้ อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหารถติด แต่ค่อนข้างใช้เวลาและ
งบประมาณลงทุนสูง กว่าจะปูพรมได้ทั่วประเทศ ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่ามี 6 รูปแบบให้เลือก ประกอบด้วย 1.ถนนยกระดับข้ามทางรถไฟในแนวตรง (Overpass) จะใช้กับจุดตัดกับถนนสายหลักที่มีปริมาณจราจรค่อนข้างมาก 2.ถนนลอดใต้ทางรถไฟ (Underpass) ใช้กับถนนสายหลัก จะใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง 3.ถนนยกระดับรูปตัวยู (U-Shape Overpass) ใช้กับจุดตัดถนนสายรองที่ปริมาณการจราจรน้อย
4.ยกระดับทางรถไฟ (Elevated Railway) ใช้กับจุดตัดในเขตเมืองบนถนนสายหลัก 5.อุโมงค์รถไฟ (Tunnel Railway) ใช้กับจุดตัดในเขตเมืองที่มีถนนสายหลัก และ 6.ท่อลอดใต้ทางรถไฟ (Box Culvert) ใช้กับถนนลำลองขนาดเล็กที่มีระดับต่ำกว่าทางรถไฟ มีขนาดความกว้าง 3 เมตร และสูงไม่น้อยกว่า 2.50 เมตร
ขณะที่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า "พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" รัฐมนตรีว่ากากระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จะติดตั้งสัญญาณไฟแจ้งเตือน
ผู้ใช้รถใช้ถนนก่อนถึงจุดตัดประมาณ 30 เมตร เช่น ติดเซ็นเซอร์ จะเน้นจุดตัดเป็นทางลัดผ่านมีอยู่ 584 แห่งก่อน นอกจากนี้จะเร่งให้ ร.ฟ.ท. ร่วมกับกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ติดตั้งสะพานข้ามหรือทางลอดแบบถาวร สำหรับพื้นที่มีปริมาณการจราจรเกิน 1 แสนเที่ยวต่อวันรวมถึงสร้างเครื่องกั้นแบบอัตโนมัติและแบบธรรมดา ปรับปรุงเครื่องกั้นเดิม เช่น จากแบบธรรมดาให้เป็นอัตโนมัติ ส่วนที่เป็นอัตโนมัติแล้วมีปริมาณการจราจรเพิ่มให้ยกระดับสร้างเป็นสะพานข้ามหรือทางลอด และจะจัดสรรงบประมาณก่อสร้างต่อไป
โดยทั้งหมดจะให้ทยอยแล้วเสร็จในปี 2558-2559 นี้แต่หากได้รับงบประมาณกลางปี และทางท้องถิ่นให้ความร่วมมือ คาดว่าจะทำให้โครงการเกิดเป็นรูปธรรมได้เร็วขึ้น
ส่วนปัญหาจะคลี่คลายไปได้ด้วยดีหรือไม่ รอดูฝีมือ "บิ๊กจิน" กันต่อไปนับจากนี้ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 08-11-2557
|
|
|
|
|
