Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
อิตาเลียนไทย ฮุบเค้กทวายเฟสแรกสมใจ ผุดนิคมอุตให้สิทธิลดภาษี15ปี |
|
อิตาเลียน ไทยคว้าประมูลพัฒนาโปรเจ็กต์ทวายเฟสแรก มูลค่า 4-5 หมื่นล้าน รัฐบาลเมียนมาร์ให้สิทธิสัมปทานยาว 75 ปี ขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 35 ตร.กม.พร้อมยกเว้นภาษีจูงใจผู้ประกอบการไทย-เทศเข้าไปลงทุน ผุดโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเบา เผยยักษ์ใหญ่ "สหพัฒน์" ซุ่มเก็บข้อมูล เอ็กโกลุยโรงไฟฟ้า 500 เมกะวัตต์
นาย เปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากที่บริษัทร่วมกับบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลเมียนมาร์ เพื่อพัฒนาโครงการทวายในเฟสแรก ใช้เงินลงทุนประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท ล่าสุด รัฐบาลเมียนมาร์ตัดสินให้บริษัทเป็นผู้ชนะประมูลแล้ว จะมีการลงนามสัญญาภายในเดือนธันวาคมนี้
ITD คว้าสิทธิสัมปทาน 75 ปี
ผล การเจรจาล่าสุดกับรัฐบาลเมียนมาร์ บริษัทจะได้สิทธิสัมปทานการพัฒนาโครงการเป็นระยะเวลา 75 ปี อีกทั้งได้พัฒนาพื้นที่เพิ่มอีก 8 ตารางกิโลเมตร จากเดิม 27 ตารางกิโลเมตร เป็น 35 ตารางกิโลเมตร โดยบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนพัฒนาโครงการเองทั้งหมดให้แล้วเสร็จใน 5 ปี จากปี 2558-2562 ภายในโครงการประกอบด้วยพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พร้อมระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เช่น ท่าเรือขนาดเล็ก โรงไฟฟ้า ถนนลาดยาง 2 ช่องจราจร อ่างเก็บน้ำ ระบบโทรคมนาคม เป็นต้น
ดึงนักลงทุนไทย-เทศผุดโรงงาน
นาย เปรมชัยกล่าวว่า พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลาง และขนาดเบา เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ยางพารา การ์เมนต์ รองเท้า อาหารกระป๋อง เป็นต้น ที่เน้นตลาดส่งออกเป็นหลัก โดยจะมีทั้งนักลงทุนจากประเทศไทยและต่างประเทศเข้าไปลงทุน จะเริ่มขายพื้นที่ต้นปี 2558 เป็นต้นไป
"ปัจจุบันบริษัทได้รับการ ติดต่อจากผู้ประกอบรายใหญ่จากไทยอย่างไม่เป็นทางการบ้างแล้ว เช่น บมจ.สหพัฒนพิบูล ส่วนต่างประเทศจะเป็นผู้ประกอบการจากไต้หวันและฮ่องกง สิทธิพิเศษในการลงทุนจะเหมือนกับได้สิทธิบีโอไอเขต 3 ของไทย เช่น ยกเว้นภาษี 5 ปีแรก แต่รัฐบาลเมียนมาร์จะให้พิเศษมากกว่านั้น จะลดอัตราภาษีให้อีก 15 ปี และได้สิทธิเช่าพื้นที่ 75 ปี ฯลฯ"
รวบการลงทุนงานเหลือ 2 เฟส
นาย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า การเจรจากับรัฐบาลเมียนมาร์ อิตาเลียนไทยฯจะมีทีมเจรจาเอง เมื่อได้ข้อสรุปที่เอกชนเสนอไปแล้ว รัฐบาลไทยจะดูรายละเอียดทั้งหมดว่าเสนออะไรไปบ้าง แต่หลักการถ้าเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลจะต้องเข้าไปช่วยเอกชนด้วย เนื่องจากหากปล่อยให้เอกชนลงทุนทั้งหมด จะมีต้นทุนสูงขึ้น ทำให้พื้นที่นิคมอุตฯมีราคาแพง จะไม่มีใครเข้าไปลงทุน
สำหรับระยะการ พัฒนาโครงการทวายทั้งหมด แบ่งเป็น 2 เฟส จากเดิม 3 ระยะ ได้แก่ 1.ระยะเริ่มต้น (Early Phase) ได้แก่ ท่าเรือขนาดเล็ก ถนนลูกรังภายในพื้นที่ แหล่งน้ำธรรมชาติ 2.ระยะที่ 1 ได้แก่ ท่าเรือน้ำลึกระยะที่ 1, ถนน 4 ช่องจราจรเชื่อมประเทศไทย, อ่างเก็บน้ำหลัก, ระบบประปา และกำจัดน้ำเสีย, ระบบสื่อสารเชื่อมต่อประเทศไทยด้วยโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่ อ.บ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี
และ 3.ระยะที่ 2 ได้แก่ ท่าเรือนำลึกระยะสุดท้าย, ถนน 8 ช่องจราจรเชื่อมประเทศไทย, รถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐานเชื่อมประเทศไทย, ขยายโครงข่ายระบบประปา และขยายโครงข่ายระบบสื่อสาร
"ทั้งหมดยังอยู่ เหมือนเดิม แต่แยกเฉพาะพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมออกมาพัฒนาก่อน และให้รวมระยะเริ่มต้นกับระยะที่ 1 มารวมกัน ส่วนที่เหลือจะเป็นการพัฒนาเฟสที่ 2 ซึ่งส่วนนี้ทางญี่ปุ่นสนใจจะเข้ามาลงทุนหลังการพัฒนาเฟสแรกเสร็จแล้ว" นายอาคมกล่าว
ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า บริษัทยังคงยืนยันที่จะร่วมพัฒนาโครงการดังกล่าวแน่นอน โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 4 เฟส แต่ละเฟสจะอยู่ที่ไม่เกิน 125 เมกะวัตต์ แต่ถึงขณะนี้อยู่ในระหว่างเจรจาเงื่อนไขสัญญาสัมปทาน เช่น อายุของสัมปทาน คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุป
ผู้สื่อข่าว รายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับสิทธิประโยชน์เขตส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในพื้นที่เขต 3 ตามเกณฑ์ของประเทศไทย อาทิ 1.ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักร 2.ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี 3.ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการลงทุนในอัตราร้อย ละ 50 ของอัตราปกติ 5 ปี 4.อนุญาตให้หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปา 2 เท่า เป็นเวลา 10 ปี 5.อนุญาตให้หักค่าติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกจากกำไรสุทธิร้อยละ 25 ของเงินที่ลงทุนแล้วในการนั้นในกิจการที่ได้รับส่งเสริม |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 30-10-2557
|
|
|
|
|