|
Link
to us!!!
|
| ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
|
| 2 ขั้ว 2 คม "บิ๊กจิน-อาคม" เร่งปั๊มจีดีพี-เฟ้นแหล่งเงินผุดเมกะโปรเจ็กต์ |
|
เผย โฉมหน้าเป็นที่เรียบร้อย "คณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 1" สำหรับโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม มี 2 ที่นั่ง นำทีมโดย "บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" รั้งเก้าอี้มาแบบลอยลำแต่แรก เพราะเป็นผู้จัดบัญชีลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้วยตัวเอง
สำหรับประวัติ "บิ๊กจิน" เกิดวันที่ 7 มีนาคม 2497 ที่จ.พิษณุโลก แต่ไปโตที่ จ.อุตรดิตถ์ เป็นบุตรของ นายแย้ม และนางปิ่น ปัจจุบันอายุ 60 ปี สมรสกับนางจินตนา จั่นตอง มีบุตร 2 คน คนโตทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนคนเล็ก "หมวดตาล-เรืออากาศตรีปวันต์ จั่นตอง" เดินตามรอยผู้เป็นพ่อ
พลิกดู ประวัติการศึกษา "บิ๊กจิน" จบโรงเรียนมัธยมที่อุตรดิตถ์, โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 13, โรงเรียนนายเรืออากาศ รุ่นที่ 20, วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 48 ถึงจะเป็นทหารอากาศมาตลอดชีวิตและเก่งเรื่องการบิน แต่มีความรู้ระดับด็อกเตอร์ โดยสำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิต จากสถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ขณะที่การทำงานเติบโต มาตามสายงาน เช่น ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารอากาศ, ผู้บังคับการกองบิน 1 กองพลบินที่ 2 กองบัญชาการยุทธทางอากาศ อีกทั้งเป็นทูตฝ่ายทหารอากาศไทยหลายประเทศ ก่อนดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารอากาศในปี 2552 จากนั้นในปี 2554 ได้นั่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ จนได้เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศคนที่ 22 ในปี 2555
ด้านตำแหน่งสำคัญ อื่น ๆ เคยผ่านการเป็นกรรมการในบอร์ดสำคัญอย่าง "ปตท." กับ "การบินไทย" ที่ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานบอร์ดก่อนจะลาออกเพื่อมานั่งเป็น รัฐมนตรีใน "ครม.ตู่ 1"
ขณะที่เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยที่จะมาเป็นมือทำ งานให้กับ "บิ๊กจิน" มาพลิกโผในวินาทีสุดท้าย เมื่อข้าราชการพลเรือน "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นม้ามืดแซงโค้งมานั่งแบบคาดไม่ถึง เพราะเก้าอี้นี้มีการ ขานชื่ออดีตปลัดกระทรวงคมนาคมถึง 2 คน ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง "ชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์" และ "ศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ" เพราะเคยรุ่งเรืองยุครัฐบาลขิงแก่และทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปอ.บิ๊ก คสช.ทั้ง "บิ๊กป๊อก-บิ๊กจิน"
ไม่รู้งานนี้มีคิวแทรกระหว่างทางเพื่อ จัดสรรเก้าอี้ให้ลงตัวหรืออดีตปลัดคมนาคมทั้ง 2 คน ยังไม่เข้าตา "บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีผู้ที่จะประทับตาเป็นคนสุดท้าย
ขณะที่ "อาคม" มีชื่อติดโผนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายได้มาผงาดเป็นเบอร์ 2 ที่กระทรวงเศรษฐกิจอย่าง "คมนาคม"
สำหรับ ประวัติ "อาคม" เกิดเมื่อ 25 กันยายน 2499 ปัจจุบันอายุ 58 ปี สถานะยังโสด เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอำนวยศิลป์ จบปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ Williams College สหรัฐ เป็นนักบริหารระดับสูง ก.พ.รุ่นที่ 35 ในปี 2544 และเรียน วปอ.รุ่นที่ 46เป็นลูกหม้อสภาพัฒน์ตลอดชีวิต และเติบโตมาตามสายงาน เริ่มตั้งแต่ปี 2522-2524 ทำงานฝ่ายวางแผนอุตสาหกรรม กองโครงการเศรษฐกิจ, ฝ่ายปัจจัยการผลิต และผลผลิต กองบัญชีประชาชาติ
ต่อมาปี 2537 เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิควางแผนกองวิเคราะห์และประมาณการเศรษฐกิจ และผู้อำนวยการกองวิเคราะห์และประมาณการเศรษฐกิจ ต่อมาปี 2539 เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9 ก่อนขึ้นเป็นผู้ช่วยเลขาธิการสภาพัฒน์ในปี 2543-2546 จากนั้นเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบาย และแผนงาน ขยับขึ้นเป็นรองเลขาธิการสภาพัฒน์ในปี 2547-2553 ก่อนขยับขึ้นเป็นเลขาธิการคนที่ 14 เมื่อปี 2553 จนถึงปัจจุบัน
"อาคม" นับว่าเป็นคนที่เชี่ยวชาญด้านงบประมาณและการประมาณการจีดีพี เพราะคลุกคลีด้านนี้มาตลอดชีวิตราชการ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจมหภาคยังต้องพิสูจน์กันต่อไป การได้ขึ้นแท่นเป็นรัฐมนตรีป้ายแดงยุค "ประยุทธ์ 1" เป็นเพราะมีองค์กรเป็นแบ็กอัพ ด้วย "สภาพัฒน์" เป็นหน่วยงานกลางของทุกรัฐบาลและเป็นหน่วยงานที่ "ทหาร" ถูกปลูกฝังให้ความไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด เพราะไม่มีนอกไม่มีนัย
สำหรับไลฟ์สไตล์ของ "อาคม" เป็นคนเรียบง่าย ไม่มีบุคลิกเชิงรุก ชอบทำงานคนเดียว ในชีวิตนี้ทุ่มเทกับการทำงานตลอด 7 วัน
ทั้ง นี้ อาจจะเป็นเพราะว่าการบริหารงานของ "คสช." มีแต่งตั้งคณะกรรมการหลายชุดและมีเลขาฯสภาพัฒน์คอยซัพพอร์ตข้อมูล เช่น คณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชน (กรอ.), คณะกรรมการพัฒนาชายฝั่งตะวันออก และคณะกรรมการด้านโลจิสติกส์ จึงทำให้เข้าตา
ที่สำคัญเคยผ่านการ เป็นบอร์ดของคมนาคมหลายแห่งช่วงที่ผ่านมา ทั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) น่าจะรู้ลึกปัญหาเป็นอย่างดี
นอกจากนี้การลงทุนยุทธศาสตร์โครงสร้าง พื้นฐานคมนาคมเป็นโครงการขนาดใหญ่ใช้เงินลงทุนสูง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า, รถไฟทางคู่, สนามบิน, ท่าเรือ และมอเตอร์เวย์ ต้องใช้เงินจากหลายแหล่งมาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนโครงการ จึงต้องมีคนรู้เรื่องเงินและกระบวนการจัดหามาช่วยผลักดันอีกแรง
ดัง นั้นชื่อ "อาคม" จึงเข้ามาอยู่ในโผคมนาคมในโค้งสุดท้าย รอแค่วัดใจ "บิ๊กสภาพัฒน์" จะสวมหมวกทั้ง 2 ใบหรือจะลาออกจากตำแหน่งเลขาฯที่ยังเหลืออายุงาน 2 ปี แล้วทุ่มเทเวลามาลุยงานที่คมนาคมแห่งเดียว
เพื่อสานฝันให้ "นายกฯตู่" ที่อยากเห็นเศรษฐกิจไทยปี 2558 เดินหน้าขยายตัว 5-6% เพราะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นตัวจักรสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศทั้ง ระบบ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 06-09-2557
|
|
|
|
|
