Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
คอนวูด บุกAECผุดรง.วัสดุทดแทนไม้อินโด ตัดหน้าผู้ผลิตไทย-ต่างชาติตั้งเป้ากวาดลูกค้าอสังหาทุกเซ็กเมนต์ |
|
สเต็ปใหม่คอนวูด จุดพลุเปิดโรงงานวัสดุทดแทนไม้รายแรกในอินโดนีเซีย กำลังผลิต 5.8 หมื่นตัน เซตทีมขายโครงการ-ค้าปลีกเจาะจัดสรร โรงแรม รีสอร์ตในเมืองจาการ์ตา-เกาะบาหลี ควบเจรจาแต่งตั้งเอเย่นต์เปิดตลาดค้าปลีกผ่านร้านโมเดิร์นเทรด วางเป้าปี"58 ปั๊มยอดขาย 500 ล้านตามแผน เตรียมลงทุนขยายกำลังผลิตไลน์ที่ 2 เพิ่มเท่าตัว
นายสุทธิพันธ์ วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอนวูด จำกัด ในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง ผู้ผลิตวัสดุทดแทนไม้จากไฟเบอร์ซีเมนต์แบรนด์ "คอนวูด" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทมีแผนลงทุนเชิงรุกตลาดวัสดุทดแทนไม้ในประเทศอินโดนีเซียอย่างเต็มตัวตามแผนขยายตลาดในอาเซียน โดยลงทุนสร้างโรงงานแห่งแรกที่เมืองจาการ์ตา ภายใต้ชื่อบริษัท พีที คอนวูด อินโดนีเซีย ถือหุ้น 100% โดยคอนวูดมีกำลังผลิตปีละ 5.6 หมื่นตัน ใช้เงินลงทุน 1.5 พันล้านบาท และเซตทีมขายโครงการศูนย์ค้าวัสดุแบบโมเดิร์นเทรด ทีมเซลร้านค้าเพื่อเจาะตลาดทุกช่องทาง
เดินเครื่องจักรโรงงานอินโดฯ
ล่าสุดเมื่อ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา เริ่มเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าเชิงพาณิชย์ ตั้งเป้าถึงสิ้นปีนี้มียอดขาย 150 ล้านบาท ในปี 2558 เพิ่มเป็น 500 ล้านบาท หากเป็นไปตามเป้าหมายจะพิจารณาลงทุนเพิ่มไลน์ผลิตที่ 2 มีกำลังผลิตเพิ่มอีก 1 เท่าตัว โดยแผนใหญ่เตรียมเนื้อที่สำหรับติดตั้งเครื่องจักรได้ถึง 5 ไลน์ผลิต
"ถือว่าคอนวูดเป็นรายแรกที่เข้าไปตั้งบุกเบิกตั้งโรงงานผลิตวัสดุทดแทนไม้ในอินโดฯ ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ลงทุน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นไทยหรือต่างชาติ มีแต่ผู้ผลิตสินค้าที่มีดีไซน์ใกล้เคียงกัน แต่ไม่ได้ผลิตจากไฟเบอร์ซีเมนต์เหมือนคอนวูด"
ทั้งนี้ บริษัทเห็นโอกาสการลงทุนจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ 1) จำนวนประชากรมากถึง 250 ล้านคน 2) รัฐบาลอินโดฯรณรงค์ห้ามตัดไม้ และ 3) มีโครงการจัดสรรหลากหลายเซ็กเมนต์ ราคาตั้งแต่ยูนิตละ 1-50 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ใช้เป็นฐานส่งออกสินค้าไปยังประเทศออสเตรเลียและเวียดนาม โดยคอนวูดเริ่มส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในอินโดฯปลายปี 2554 ล่าสุดตัวเลขปี 2556 มีอัตราเติบโตถึง 80%
เจาะจัดสรรราคา 6 ล้านอัพ
สำหรับโรงงานที่อินโดฯ จะผลิตสินค้าประเภทไม้พื้นไม้ฝา เชิงชาย ระแนง และบัว กลุ่มเป้าหมายหลักคือโครงการบ้านจัดสรรราคา 6 ล้านบาทขึ้นไป รวมทั้งโรงแรม รีสอร์ต ร้านค้า ร้านอาหาร ที่อยู่ในเมืองจาการ์ตากับเกาะบาหลี อาทิ โครงการรันคามายาเป็นที่อยู่อาศัยในสนามกอล์ฟ, ร้านแมคโนนัลด์, ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ฯลฯ โดยบ้านจัดสรรส่วนใหญ่นิยมใช้ไม้ปูพื้นหรือทำผนัง จึงเป็นโอกาสสำหรับสินค้าวัสดุทดแทน
สินค้าที่ผลตอบรับดีในช่วงแรกคือกลุ่มไม้พื้นและไม้ฝา ส่วนเชิงชายต้องใช้เวลาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เพราะปัจจุบันยังนิยมใช้เชิงชายที่ผลิตจากวัสดุทดแทนไม้ประเภทแคลเซียมซิลิเกต แต่ความสวยงามยังเป็นรองไฟเบอร์ซีเมนต์ ดังนั้น บริษัทจะเน้นกลยุทธ์ส่งทีมสถาปนิกเข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในโครงการจัดสรร โดยเน้นชี้ให้เห็นถึงข้อดีของเชิงชายคอนวูด ซึ่งมั่นใจว่าสวยงามกว่าผลทางอ้อมเท่ากับช่วยเพิ่มโอกาสการขายบ้าน
ส่วนสเต็ปถัดมา คือการรุกตลาดค้าปลีกผ่านช่องทางจำหน่ายร้านวัสดุก่อสร้างและโมเดิร์นเทรด ตอนนี้กำลังเจรจากับศูนย์ค้าปลีกวัสดุรายใหญ่ในอินโดฯ เพื่อแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีช่องทางจัดจำหน่ายประมาณ 50 แห่ง
ตั้งเป้า 8 ปี คืนทุน
สำหรับการลงทุนโรงงานในอินโดฯ ต่อ 1 ไลน์ผลิต ประเมินว่าใช้เวลาคืนทุน 8 ปี ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้ เนื่องจากเศรษฐกิจอินโดฯ มีอัตราเติบโตปีละกว่า 5-6% ประกอบกับหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ประชาชนมีความเชื่อมั่นสถานการณ์เศรษฐกิจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าที่ผลิตจะสูงกว่าประเทศไทย 30% เนื่องจากปูนซีเมนต์ที่เป็นวัตถุดิบราคาแพงกว่า ส่วนปัญหาอุปสรรคการลงทุนในอินโดฯ คือ 1) ราคาที่ดินก่อสร้างโรงงานค่อนข้างแพง 2) การทำความเข้าใจข้อกฎหมาย 3) ปัญหาด้านบุคลากร เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น
นายสุทธิพันธ์กล่าวด้วยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในประเทศปีนี้กว่า 1.5 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 3% ถือว่าเติบโตน้อยกว่าทุกปี เนื่องจากโรงงานในประเทศไทยเดินเครื่องจักรเต็มกำลังผลิต 1.35 แสนตัน
ขณะที่การลงทุนไลน์การผลิตที่ 4 โรงงานใน จ.สระบุรี คาดว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ต้นปีหน้า |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 03-09-2557
|
|
|
|
|