Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
สำรวจมู้ดตลาด ''โบ๊เบ๊'' ผู้ค้าโอดยอดร่วง ค่าเช่า-เซ้งแพงลิ่ว |
|
กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง "ตลาดโบ๊เบ๊" หลัง "กทม.-กรุงเทพมหานคร" จะจัดระเบียบแผงค้าที่ตั้งอยู่บนทางเท้าถนนโดยรอบ ไม่ให้กีดขวางการจราจร จะว่าไปเรื่องการจัดระเบียบนี้มีมานาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากมีผู้มีอิทธิพลทั้งมีสีและไม่มีสี อยู่เบื้องหลัง
ทำเล "ตลาดโบ๊เบ๊" ถูกตัดแบ่งพื้นที่ค้าขายชัดเจน โดยรอบ "อาคารโบ๊เบ๊ทาวเวอร์" จะเป็นร้านค้าแผงลอยกว่า 300 ราย ตั้งขายอยู่บนถนน เช่น ถนนดำรงรักษ์ ถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่ง "กทม." ผ่อนปรนให้เป็นจุดผ่อนผันตั้งแผงค้าขายได้ ทั้งร้านขายข้าว ผลไม้ ร้านเสื้อผ้า โดยผู้ค้าต้องจ่ายค่าปรับให้กับสำนักงานเทศกิจของ กทม. เดือนละ300 บาท แต่ละแผงจะมีจำกัดเวลาขายสลับกันไปในแต่ละช่วงเวลา
จากการสำรวจพบว่าแผงลอยที่ตั้งขายบนทางเท้านั้นจะมีทั้งเปิดขายกลางวัน และบางส่วนเปิดขายกลางคืนก็มี เนื่องจากย่านนี้เป็นตลาดค้าส่ง คนจะหมุนเวียนทุกเวลา โดยค่าเช่าแผงเฉลี่ยอยู่ที่ 1 หมื่นบาทขึ้นไป
"พี่ค้าขายอยู่บนริมคลองมหานาคมานาน โดยเช่าแผงค้าต่อมาจากเพื่อน โดยเสียค่าเช่า 12,000 บาทต่อเดือน โซนริมคลองนี้จะมีเจ๊ฝนเป็นคนคุม รายได้ก็ไม่มาก แต่ก็ไม่รู้จะไปทำอะไร" แม่ค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปรายหนึ่งกล่าว
ขณะที่ตึกพาณิชย์ที่อยู่รายล้อม "โบ๊เบ๊ทาวเวอร์" ปัจจุบันเป็นสิทธิของบุคคลที่ซื้อขาดมาตั้งแต่แรกเริ่มโครงการจาก "บริษัท พรหมมหาราชพัฒนาที่ดิน จำกัด" นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาที่ดินแปลงนี้ให้เป็นทั้งโรงแรมและศูนย์การค้า ปัจจุบันกำลังปลุกปั้น "ตลาดโบ๊เบ๊รังสิต" และ "เมก้าพลาซ่า วังบูรพา"
โดยอาคารพาณิชย์ด้านบนจะเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าของตึก ส่วนพื้นที่ด้านล่างจะเป็นพื้นที่เช่าสำหรับเป็นหน้าร้านขายของ ปัจจุบันมีทั้งคนไทยและคนจีนที่มาเช่าเปิดหน้าร้าน มีอัตราค่าเช่าขึ้นอยู่กับเจ้าของจะปล่อยอยู่ราคาเท่าไหร่ แต่ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือนอย่างแน่นอน
"น้องลี" แม่ค้าขายส่งกางเกงเล่าว่า เช่าหน้าร้านจากเจ้าของตึกมานานแล้ว ทำสัญญาเช่าแบบปีต่อปี ค่าเช่า 15,000 บาทต่อเดือน ตอนนี้บรรยากาศค้าขายไม่ค่อยดี ตั้งแต่เกิดการชุมนุมทางการเมือง เพราะลูกค้าเดินทางมาลำบาก และมีสินค้าจากประเทศจีนมาตัดราคา
"เมื่อก่อนเคยขายได้ 2-3 หมื่นบาทต่อเดือน ตอนชุมนุมบางวันไม่ได้เปิดบิลขายเลยก็มี ตอนนี้ก็แค่พออยู่ได้เพราะมีลูกค้าประจำอยู่ และให้เครดิตลูกค้าเพิ่ม"
เมื่อลัดเลาะถนนเส้นนี้ไปจนเข้าไปในตึก "โบ๊เบ๊ทาวเวอร์" พบว่า อัตราค่าเช่าแตกต่างจากร้านค้ารอบนอกอยู่มาก โดยที่นี่จะคิดราคาตามระดับชั้น ยิ่งสูงราคาจะยิ่งถูก ส่วนที่แพงสุดจะเป็น "ชั้น 1"
ภายในตึกนี้แบ่งพื้นที่การค้าเป็น 6 ชั้น ปัจจุบันมีร้านค้า 2 ส่วนอยู่ในพื้นที่เก่าและพื้นที่ใหม่ที่เจ้าของโครงการขยายเพิ่มไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีร้านค้านับเป็นพัน ๆ ราย ส่วนใหญ่ร้านค้าจะเช่าจากผู้ปล่อยเช่าที่ซื้อจากเจ้าของตึกอีกที โดยสัญญาเช่าจะเป็นระยะสั้นอยู่ที่ 6 เดือน และมีการปรับค่าเช่าทุกปี เฉลี่ยปีละ 10-15%
สำหรับอัตราค่าเช่าตั้งแต่ชั้น 1-6 แพงสุดอยู่ชั้น 1 ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1-2 แสนบาทต่อเดือน แต่ถ้าเป็นราคาเซ้งตอนนี้วิ่งแซงหน้าราคาจากเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว จาก 9 ล้านบาท เป็น 10-20 ล้านบาท
ขณะที่บรรยากาศโดยรวมของตลาดค่อนข้างเงียบเหงา และมีบางร้านปิดประกาศให้เช่าและเซ้งก็มี ส่วนผู้ค้าหลายรายมียอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง
"6 เดือนแรกยอดขายแย่มาก ลดลง 40% จากปกติขายได้ดีที่สุดที่ 5 หมื่นบาทต่อเดือน ส่วนยอดขายที่แย่ที่สุดได้ 5 พันบาทต่อเดือน อยากให้ คสช.มีมาตรการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดย่อมให้เร็วขึ้น เพราะต้องการเงินหมุนเวียนใช้ในธุรกิจ" คำสะท้อนของผู้ค้าในตลาดโบ๊เบ๊
ด้าน "วาสนา" แม่ค้าขายส่งเสื้อผ้าเด็กมากว่า 10 ปี ให้ข้อมูลว่า ยอดขายตกมา 2-3 ปีแล้ว โดยตกมามากกว่า 60% จากปกติขายดีมีรายได้อยู่ที่ 8-9 ล้านบาทต่อเดือน เหลือ 2-3 ล้านบาทต่อเดือน เพราะลูกค้ากำลังซื้อลดลง ซึ่งลูกค้าที่มาเดินเป็นคนไทย 10% ต่างชาติ 90% |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 12-07-2557
|
|
|
|
|