| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 117 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 14-05-2557    อ่าน 1431
 ผอ.อสังหาฯธอส. เผยตลาด อสังหาฯปี 57 ลดร้อนแรง ชี้ปรับโหมดพักฐาน แนะดันลงทุนหัวเมืองรอง

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) บรรยายพิเศษหัวข้อ “ดัชนีชี้การลงทุนปี’57” ในการสัมมนา “สร้างโอกาสการลงทุนขับเคลื่อนไทยสู่อนาคต” ในวาระก้าวสู่ปีที่ 38 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ว่า การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์มี 3 รูปแบบ คือ หนึ่ง-อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่อยู่อาศัย สอง-อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ห้างสรรพสินค้า ที่ดิน นิคมอุตสาหกรรม สาม-หุ้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีบริษัทจดทะเบียนในกระดานใหญ่ประมาณ 30 บริษัท

สำหรับตลาดที่อยู่อาศัย ปริมาณที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จที่จดทะเบียน จะเห็นได้ว่าก่อนวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 40 จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยจดทะเบียนในกรุงเทพและปริมณฑลมีทั้งหมดประมาณ 1.6-1.7 แสนหน่วยช่วงนั้นมีคอนโดเกิดขึ้น1ใน3ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด ทั้งที่เมื่อปี 40 ยังไม่มีระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟใต้ดิน การที่มีคอนโดเกิดขึ้นมากก่อนนั้นตามทฤษฎีบอกไม่ได้ว่า ผู้บริโภคซื้อเพื่อจะเดินทางสะดวก

นายสัมมา กล่าวต่อว่า หลังวิกฤติต้องใช้เวลาดูดซับซัพพลายเดิมนานหลายปี จนมาฟื้นตัวในปี 50-52 ในช่วงปี 52-56 มีการสร้างคอนโดเพิ่มขึ้นอีก จำนวนหน่วยจดทะเบียนคอนโดมีเนียมเพิ่มมากขึ้นจนกระทั่งใกล้ถึงครึ่งหนึ่งของที่อยู่อาศัยทั้งหมดจนยอดจดทะเบียนคอนโดเกินครึ่งหนึ่งของยอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัยทั้งหมดในปี 55-56

"ปี56 เป็นปีที่ตลาดคอนโดมีเนียมร้อนแรงมากในแต่ละปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าหน่วยคอนโดมีเนียมที่เปิดขายใหม่สูงที่สุดไม่เกิน 65,000หน่วยแต่ปีที่แล้วปีเดียว 85,000 หน่วย ส่วนบ้านจัดสรรเฉลี่ยแต่ละปีประมาณ 3.5-4.2หมื่นหน่วย มีโอเวอร์ซัพพลายไปมากอุปสงค์-อุปทานห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆถ้าปีนี้ผู้ประกอบการไม่ได้ผลักดันโครงการมากนักจะเป็นปีที่ตลาดจะปรับฐานอยู่แล้วและจะค่อยๆทยอยดูดซับซัพพลายไปได้ในปีหน้า"นายสัมมากล่าว

ทั้งนี้ตลาดบ้านจัดสรรที่อยู่ในระหว่างการขายมากที่สุดได้แก่กรุงเทพมหานครชลบุรีนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ เชียงใหม่ ภูเก็ต สมุทรสาครระยอง นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา สงขลา นครปฐม ขอนแก่น

ขณะที่เมื่อเรียงอันดับตลาดอาคารชุดที่อยู่ในระหว่างการขายมากที่สุด กรุงเทพ ชลบุรี นนทบุรี ภูเก็ต ชะอำ (เพชรบุรี) สมุทรปราการ เชียงใหม่ ปทุมธานี หัวหิน(ประจวบคีรีขันธ์) ขอนแก่น ระยอง นครราชสีมา

"ในปีนี้ 4 เดือนแรกการเกิดโครงการต่างๆ ลดลง เทียบกับปีที่แล้ว 4 เดือนแรกบ้านจัดสรรเปิดโครงการ 72 โครงการ ประมาณ 1,100 หน่วยปีที่แล้ว 78 โครงการ ประมาณ 1,400 หน่วย ลดลง 16-17 เปอร์เซ็นต์ ห้องชุดปีนี้เปิด 43 โครงการ ประมาณ 88,000 หน่วย ปีที่แล้ว 66 โครงการ หายไปประมาณ 40% จำนวนการเปิดโครงการลดลงซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ที่จะปรับให้ดีมานด์กับซัพลายลงตัวมากขึ้นโดยสรุปรวมห้องชุดที่จดทะเบียนในตลาดขณะนี้มีประมาณ 700,000 หน่วยอีกไม่กี่ปีจะครบหนึ่งล้านหน่วย และสัดส่วนห้องชุดเกิน 50% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด"นายสัมมากล่าว

ในประเทศไทย อัตราส่วนความเป็นเจ้าของบ้านรวมทั้งตามชนบท (Home ownership) สูงกว่า 70% ถือว่ามากกว่าสหรัฐอเมริกา เพราะอเมริกาหลังจากเกิดแฮมเบอร์เกอร์ไครซิสแล้วอยู่ที่ 68%แต่ในกรุงเทพที่มีการอพยพของคนต่างถิ่นเข้ามา อัตราส่วนความเป็นเจ้าของบ้านมีอยู่ไม่เกิน 70%

คำถามคือ ในอนาคตท่ามกลางความเลวร้ายต่าง ๆมันมีทิศทางของตลาดที่ต้องเป็นไปตามทิศทางตลาดทั่วโลกอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เดิมทีเราคิดว่ากรุงเทพคือประเทศไทยทุกสิ่งทุกอย่างตัดสินแค่ในกรุงเทพแต่ทั่วโลกมีเมืองที่มีการพัฒนาระดับล่างที่เจริญรองลงมาจากเมืองใหญ่ที่เรียกว่า secondary city โดยนักลงทุนฝรั่งมองว่าเซกกันเทียร์ซิตี้คือโอกาสที่ดีที่สุดเป็นโอกาสการลงทุนในอนาคตเพราะการจะลงทุนในเมืองที่เจริญไปแล้วโอกาสได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าเมืองที่จะเติบโตในอนาคตเมืองที่เป็นเซกกันเทียร์ในไทยคือเมืองหลักของภูมิภาคและจังหวัดที่มีประชากรเกิน1ล้านคนขึ้นไปซึ่งมีประมาณ 20 จังหวัด

สำหรับประเทศไทยกลุ่มจังหวัดหลักที่เป็น FirstTier คือ กรุงเทพ ชลบุรี นนทบุรีส่วน Second Tier คือในปริมณฑลและจังหวัดหลัก ๆ ในภูมิภาค เช่นเชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา นครราชสีมา ขอนแก่น ระยอง หัวหิน ชะอำ

นายสัมมา กล่าววิเคราะห์ว่า จังหวัดที่จะมีโอกาสพัฒนาในอนาคตในเชิงที่อยู่อาศัย นอกจากจังหวัดที่มีฐานประชากรสูงและมีกำลังซื้อแล้ว คือเมืองที่มีเมืองบริวารหรือจังหวัดกลุ่ม เช่น พิษณุโลก ประชากรไม่ถึงล้าน แต่มีเมืองบริวาร มีผู้คนเข้ามาศึกษาเข้ามาใช้ความทันสมัยที่พิษณุโลกมี หรืออุดรธานี มหาสารคาม ขอนแก่น ที่เป็นเมืองศูนย์ราชการและมีสถานศึกษาชั้นนำ มีศูนย์ เป็นจังหวัดชายแดน และเป็นได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาของภาครัฐ ทั้ง รถไฟรางคู่รถไฟความเร็วสูง โลว์คอสต์แอร์ไลน์ และโครงข่ายอื่น ๆ

"ตอนนี้ในภาคอีสานมีทุนต่างชาติเข้ามาตั้งโรงงานเป็นฐานผลิตมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นฐานเศรษฐกิจดี ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดีต่อเนื่องมีการลงทุนของห้างสรรพสินค้าชั้นนำและโมเดิร์นเทรดก็จะมีโอกาสในการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพราะคนไทยชอบช็อปปิ้งถ้ามีห้างที่ไหนที่อยู่อาศัยจะเกิดขึ้น"นายสัมมากล่าว
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ  ] วันที่ 14-05-2557 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.