| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 226 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 09-05-2557    อ่าน 1449
 รับเหมาฝ่าวิกฤตตลาดประมูลฝืด "ITD-ช.การช่าง-ซิโนไทย"งานล้นหน้าตัก5ปีฮัมเพลงรอเค้กรถไฟฟ้า

สำรวจ หน้าตัก 3 เสือรับเหมาก่อสร้าง ใต้ปีกตระกูลดัง "กรรณสูต-ตรีวิศวเวทย์-ชาญวีรกูล" ท่ามกลางการเมืองและเศรษฐกิจผันผวน ทุบตลาดประมูลวูบ 70% "อิตาเลียนไทย" งานทะลัก 2 แสนล้าน กินยาว 5 ปี ลุ้นเซ็นสัญญาโปรเจ็กต์น้ำและทวายแสนล้าน "ช.การช่าง" ธุรกิจสัมปทานหนุนส่งรายได้พุ่ง 4.2 หมื่นล้าน แบ็กล็อกล้น 3-4 ปีกว่า 1.1 แสนล้าน "ซิโน-ไทยฯ" ไม่หวั่นงานเก่าเพียบ ลุยสร้างถนนในลาวเสริมทัพ

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจแบ็กล็อกหรืองานในมือของบริษัทรับเหมาบิ๊กทรีในวงการก่อสร้าง ภายใต้การดูแลของ 3 ตระกูลดัง พบว่า บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ของตระกูลกรรณสูต ยังครองแชมป์สูงสุดกว่า 2 แสนล้านบาท รองลงมา บมจ. ช.การช่าง ของตระกูลตรีวิศวเวทย์ อยู่ที่กว่า 1.1 แสนล้านบาท และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ของตระกูลชาญวีรกูล อยู่ที่ 58,000 ล้านบาท ทั้ง 3 บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้ไปอีก 3-4 ปีข้างหน้า โดยที่ไม่ต้องมีงานใหม่เข้ามา



ช.การช่างตุนแบ็กล็อกแสนล้าน

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ตลาดรวมงานประมูลก่อสร้างจะหายไป 70% เหลืออยู่ไม่เกิน 2 แสนล้านบาท จากเดิมประมาณการไว้อยู่ที่ 5-6 แสนล้านบาท มาจากสถานการณ์การเมืองที่ยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อการประมูลงานของภาครัฐล่าช้า ขณะที่งานภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

"สัดส่วนการรับงานปัจจุบันระหว่างรัฐและเอกชนอยู่ที่ 50 : 50 ขึ้นอยู่กับการเมือง จบเร็วและมีงานโครงการรัฐเปิดประมูลมากขึ้น สัดส่วนงานเอกชนจะปรับลดสัดส่วนลง" นายปลิวกล่าวและว่าปัจจุบันบริษัทยังมีงานในมือ 112,473 ล้านบาท รับรู้รายได้อีก 3-4 ปี มาจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค) สายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนตะวันตก เป็นต้น



"ปีนี้มีงานรอเซ็นสัญญา 21,750 ล้านบาท คาดว่าจะมีรายได้กว่า 3-4 หมื่นล้านบาท มีกำไร 10% ในไตรมาสแรกจะมีรายได้จากการส่งมอบงานก่อสร้าง 8,000 ล้านบาท จึงไม่ได้รับผลกระทบถ้าหากไม่มีงานใหม่เข้ามา แต่ไม่ประมาท ยังเดินหน้าประมูลงานใหม่ มี 3 โครงการที่บริษัทจะเข้าร่วม มูลค่า 85,968 ล้านบาท มีสายสีเขียวช่วงหมอชิต-คูคต ทางคู่คลอง 19-แก่งคอยและสุวรรณภูมิเฟส 2 คาดว่าจะได้งาน 20%" นายปลิวกล่าวและว่า ในอนาคตจะมีงานเปิดประมูลกว่า 239,831 ล้านบาท อาทิ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางกะปิ-มีนบุรี) มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันการแข่งขันค่อนข้างสูง เพราะงานมีน้อย

สำหรับผลประกอบการปี 2556 มีรายได้รวม 42,009 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,673 ล้านบาท มาจากธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจสัมปทานโครงการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ร่วมลงทุนในบริษัทย่อย เช่น ทางด่วน รถไฟฟ้า โรงไฟฟ้า ทำให้รายได้บริษัทมีความแน่นอนมากขึ้น

นอกจากนี้ ในปีนี้จะออกหุ้นกู้อีก 8,000 ล้านบาท เป็น 25,000 ล้านบาทมาลงทุนขยายธุรกิจในอนาคต จากปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ที่ 9,681 ล้านบาท และเริ่มศึกษาหาช่องทางจะเข้าไปรับงานในประเทศเพื่อนบ้านควบคู่ไปด้วย เช่น ประเทศเมียนมาร์

ITD ลุ้นเมกะโปรเจ็กต์น้ำและทวาย

นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2556 บริษัทมีรายได้รวม 44,902 ล้านบาท เทียบกับปี 2555 ลดลง 2,068 ล้านบาท ที่รับรู้รายได้อยู่ที่ 46,970 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากงานในประเทศ 75.83% อีก 24.17% เป็นงานต่างประเทศ แยกเป็นงานราชการ 60.65% และเอกชน 39.35% ซึ่งรายได้จากงานราชการลดลงจากปีที่ผ่านมากว่า 6% ส่วนงานเอกชนเพิ่มขึ้นประมาณ 6% มาจากบริษัทได้งานก่อสร้างศูนย์การค้าของเซ็นทรัลอยู่หลายแห่ง เช่น จังหวัดระยอง สุราษฎร์ฯ หาดใหญ่ เป็นต้น ขณะที่สภาพคล่องบริษัท มีภาระหนี้สิน 52,767 ล้านบาท กระแสเงินสด 1,586 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 992 ล้านบาท

สำหรับงานในมือปีนี้มีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท จะทำให้บริษัทรับรู้รายได้ไปอีก 5 ปีหากไม่มีงานใหม่ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้กว่า 4.4 หมื่นล้านบาท โตขึ้นจากปีที่แล้ว 10% เนื่องจากมีงานที่บริษัทรอเข้าร่วมประมูลกว่า 5 หมื่นล้านบาท เช่น สายสีเขียว (หมอชิต-คูคต) ทางคู่ สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 รวมถึงมีงานพัฒนาระบบน้ำที่รอเซ็นสัญญาอีกกว่า 1 แสนล้านบาท

"การแข่งขันประมูลงานในประเทศสูง เพราะงานน้อย เราก็ปรับตัวหันไปรับงานต่างประเทศมากขึ้นเพื่อบาลานซ์รายได้ ตอนนี้ทุกอย่างต้องรอการเมืองจบ ยิ่งจบเร็วจะทำให้งานประมูลออกมามากขึ้น และบริษัทจะรับรู้รายได้และล้างขาดทุนสะสม 500 ล้านบาทได้เร็วขึ้น" นายเปรมชัยกล่าวและว่า

ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย จะไม่สูญเปล่า เนื่องจากโครงการเกิดขึ้นแล้วและจะเดินหน้าต่อไป แม้ว่าจะตกเป็นของรัฐบาลไทยและเมียนมาร์แล้ว ล่าสุดรัฐบาลกำลังประเมินมูลค่าการลงทุนคืนกลับมาให้บริษัทที่ใช้ลงทุนไป 6,031 ล้านบาท เช่น ถนน ท่าเรือ ระบบน้ำ อ่างเก็บน้ำ ที่พักอาศัย จะพิจารณาว่าจะชำระคืนรูปแบบเงินสดหรือแปลงเป็นทุนคืนให้บริษัท

นอกจากนี้ยังให้บริษัทเข้าประมูลงานในเฟสแรกที่จะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ โดยบริษัทพร้อมเข้าประมูลทุกโครงการ จะร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จะใช้เงินลงทุน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในจะมีการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมและระบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งผู้ชนะประมูลจะได้สิทธิ์พัฒนาและขายพื้นที่นิคมให้กับโรงงานอุตสาหกรรม

ซิโน-ไทยบุกสร้างถนนในลาว

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีงานในมือ 58,000 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ถึงปี 2559 เฉลี่ยปีละกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในปี 2556 รับรู้รายได้อยู่ที่ 22,947 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,700 ล้านบาท ในปีนี้ตั้งเป้าโต 10% และจะประมูลงานใหม่เพิ่ม 23,000-24,000 ล้านบาท

"ปีนี้เป็นปีแรกที่เข้ารับงานต่างประเทศ จะก่อสร้างถนนที่ สปป.ลาว มูลค่า 600 ล้านบาท จะเซ็นสัญญาก่อสร้างวันที่ 8 พฤษภาคมนี้" นายภาคภูมิกล่าวและว่า จากความไม่นิ่งทางการเมือง ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อการประมูลงานภาครัฐทำให้งานในประเทศหดตัวลง แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสด 8,000 ล้านบาท มีงานในมือที่ทำนิวไฮมา 2 ปีซ้อน ทำให้บริษัทยังอยู่ได้ แม้จะยังไม่มีงานใหม่เข้ามา

อีกทั้งบริษัทก็เริ่มมารับงานเอกชนมากขึ้นในโครงการศูนย์การค้า จากเดิมสัดส่วนงานราชการอยู่ที่ 60% และเอกชน 40% ขณะเดียวกันเริ่มศึกษาธุรกิจอื่น เช่น อสังหาริมทรัพย์ เพราะมีที่ดินรอพัฒนาอยู่หลายแปลง ได้แก่ บางนา เขาใหญ่ เป็นต้น

"ปัญหาการเมืองต่อเนื่องมาถึงตอนนี้ งานใหญ่หยุดชะงักหมด มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวและทางคู่คลองสิบเก้า-แก่งคอยที่เปิดประมูล บริษัทเข้าร่วมทุกโครงการ คาดว่าการแข่งขันสูง เพราะผู้รับเหมาไม่ว่าเล็กและใหญ่ทุกคนอยากได้งานหมด"
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ  ] วันที่ 09-05-2557 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.