| freesplans.com | ศูนย์รวมแบบบ้าน และ ตกแต่ง หลากหลายสไตล์
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
: : g o  t o  m a i n p a g e : :
สถาปัตยกรรม | ตกแต่งภายใน | ดีไซน์-แกลอรี่ | แบบบ้านสวย | แนะนำ-ติชม | ถาม-ตอบ เรื่องบ้าน | ติดต่อเรา 
ขณะนี้มีผู้ชมอยู่ 256 ท่าน 
FreeSplanS MENU
Profession Search
+ งานสถาปัตยกรรม
+ งานวิศวกรรม
+ งานรับเหมาก่อสร้าง
+ งานรับเหมาเฉพาะด้าน
+ งานออกแบบ
+ งานอสังหาริมทรัพย์
+ งานบริการอาคาร
C a l c u l a t o r . . .
+ คำนวณปริมาณคอนกรีต
+ คำนวณปริมาณการใช้สี
+ คำนวณปริมาณกระเบี้องปูพื้นและผนัง
+ คำนวณปริมาณวอลเปเปอร์
+ คำนวณปริมาณ BTU แอร์
D o w n l o a d s . . .
+ Agreement & Forms
+ Program Utilities
+ Windows Font

 

Link to us!!!
Link to US!!!






ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง
 
กด Like เป็นกำลังใจให้เว็บด้วยนะค่ะ
| ข่าวทั้งหมด |

 fp 08-05-2557    อ่าน 1429
 "พลัสฯ" แนะวิธีดูแลตึกสูงรับมือแผ่นดินไหว ระบุ กม.บังคับให้สร้างอาคารรับได้ 6 ริกเตอร์ขึ้นไป

"พลัส พร็อพเพอร์ตี้" แนะผู้บริหารตึกสูง เตรียมพร้อมรับมือจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เชียงราย และการเฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อกภายใน 3-5 วัน ทั้งนี้ พลัสฯ ได้จัดทีมงานเข้าตรวจสอบโครงสร้างทุกอาคารที่ดูแลแล้ว เบื้องต้นไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด

นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า การเกิดแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ อ.พราน จ.เชียงรายเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนสิ่งปลูกสร้าง อาคารสูง วัด ในเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียงได้รับความเสียหาย (เชียงใหม่ พะเยา น่าน และลำปาง) อีกทั้งแรงสั่นสะเทือนยังรับรู้ได้ถึงอาคารสูงในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ ภาครัฐได้ออกมาเฝ้าระวังและเตือนประชาชนให้รับมืออาฟเตอร์ช็อคจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวภายใน 3-5 วันจากนี้

โดยผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า แผ่นดินไหวในครั้งนี้เป็นการเกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางค่อนข้างสูง แต่ถือได้ว่าเป็นการเกิดแผ่นดินไหวในภาคเหนือของไทยที่รุนแรงที่สุดในรอบหนึ่ง 1,000 ปี อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก ซึ่งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องต่างพากันเฝ้าระวังและให้การดูแลอยู่แล้ว

ในส่วนของพลัสฯ ทำธุรกิจรับบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ได้จัดส่งทีมพิเศษเข้าไปตรวจสอบโครงสร้างอาคารต่างๆที่ดูแลและบริหารจัดการ เบื้องต้นโครงสร้างทุกอาคารไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด นอกจากนี้ ได้เตรียมทีมงานบริหารทรัพยากรอาคารและฝ่ายวิศวกรรมเพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินแก่ผู้อาศัยอยู่ในตึกสูงทั้งเป็นพิเศษ

ทั้งนี้โดยทั่วไปอาคารจะต้องตรวจสอบความปลอดภัย 4 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. ตรวจความมั่นคงแข็งแรง โครงสร้าง ผนัง รากฐาน 2.ตรวจระบบประกอบอาคารและระบบสิ่งอำนวยความสะดวก ไฟฟ้า ประปา แอร์บันไดเลื่อน ลิฟต์ เป็นต้น 3.ตรวจสอบสมรรถนะระบบเตือนไฟ ระบบดับเพลิง ทางหนีไฟ 4.ตรวจแผนฉุกเฉิน และแผนซ้อมหนีไฟ ที่สำคัญควรมีที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมอาคารเพื่อทำการตรวจสอบอย่างถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนด

นอกจากนี้สิ่งที่เจ้าของอาคารหรือผู้บริหารตึกสูงต่างๆ สามารถเพิ่มระดับความต้านทานแผ่นดินไหวของอาคารได้โดยใช้วิธีที่ต่างประเทศนิยมแก้คือการพอกเสาให้ใหญ่และดามด้วยเหล็กหรือการเสริมด้วยกำแพงคอนกรีต รวมทั้งการเสริมแผ่นโพลีเมอร์เสริมเส้นใยคาร์บอนที่จะทำให้เสาอาคารสูงสามารถโยกตัวรับแผ่นดินไหวได้เพิ่มขึ้นประมาณ3-4 เท่า และที่สำคัญคือการซักซ้อมแผนปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวโดยสม่ำเสมอเพื่อเตรียมพรัอมรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

นายภูมิภักดิ์เปิดเผยด้วยว่าปัจจุบัน รัฐบาลได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวงเรื่องการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว 2550 ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร 2522 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 ให้สามารถรองรับแผ่นดินไหวที่มีความแรงมากกว่า 6 ริกเตอร์ขึ้นไป ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารที่ปลูกสร้างใหม่ เพราะมีการออกแบบรองรับการสั่นไหวมากขึ้นตามกฏหมายแล้ว

สำหรับในบางพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่รับรู้แรงสั่นสะเทือนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เป็นเพราะชนิดของดินในเขตกรงเทพฯ เป็นดินอ่อนมาก ทำให้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในระยะไกลได้ เช่น อาจจะทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในตึกสูงในกรุงเทพฯ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ดินชนิดนี้ไม่ใช่ดินประเภทเดียวกับประเทศญี่ปุ่น จึงมีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้ในระดับดีกว่า
  
ที่มา
[ ประชาชาติธุรกิจ  ] วันที่ 08-05-2557 

ค้นหาข่าวด้วยรหัส

รหัส








webmaster คลิกที่นี่

Copyright 2002 freesplans Design solution, Inc.