Link
to us!!!
|
ข่าวเศรษฐกิจ / วงการก่อสร้าง |
|
|
|
ปุจฉา-วิสัชนา ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ฟังสัญญาณชัดๆ ทิศทาง...ดอกเบี้ยบ้าน |
|
3 ปีครึ่งของ "อ.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" บนตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ประเทศไทยต้องเผชิญโจทย์เศรษฐกิจที่ท้าทายในปี57 โฟกัสสินเชื่อบ้านและคอนโดมิเนียมที่เสมือนว่ากำลังจะ "หมดตัวช่วย" จากแคมเปญดอกเบี้ย 0% เนื่องจาก ธปท.ออกมาร้องขอให้สถาบันการเงินเพลา ๆ มือสำหรับโปรโมชั่นตัวนี้
- นิยามเศรษฐกิจไทยปีนี้
เป็นเศรษฐกิจชะลอตัว (ยิ้ม) ภาคสำคัญ ๆ ของเราไม่มีตัวไหนที่เสียสมดุล เวลานี้ทางภาคเศรษฐกิจมันไม่มีอะไรที่ต้องตกอกตกใจ 1.สมดุลระหว่างประเทศ ดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างสมดุล 2.อัตราเงินเฟ้อไม่ได้สูงมาก 3.การกันสำรองเราสูง ทนแรงกระแทกได้
สถาบันการเงินเวลานี้วัคซีนเขาแข็งแกร่งมาก ธุรกิจไทยอัตราก่อหนี้ไม่สูงมาก เวลาลำบากตัวกดดันคือเป็นหนี้ เพราะขายของได้น้อยชำระหนี้สูง ตอนนี้ภาระก่อหนี้ไม่สูง ไม่น่ากลัว
- ผลกระทบถ้างบฯปีྲྀ ล่าช้าเกิน 1 ไตรมาส
น่าสนใจที่เราเห็นบรรยากาศตอนนี้อย่างน้อยสุด คือ ภาคการคลัง ตัวเลขที่ใช้บนสมมติฐานดีเลย์หนึ่งไตรมาส ผมคิดว่าไม่ถึงกับมีผลกระทบเยอะแยะ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ มีตัวขับเคลื่อนหลายตัว สัดส่วนต่อจีดีพีการลงทุนภาครัฐตก 20% งบประมาณประจำปี 2-3 ล้านล้านบาท จีดีพีตอนนี้ 11-12 ล้านล้านบาท ก็มีตัวขับเคลื่อนอีกคือ ส่งออก 70% นั่นคือส่งออกยังเป็นตัวขับเคลื่อนได้ กับภาคเอกชนการใช้จ่ายยังขับเคลื่อนได้
ฐานของเรากระจายไม่ได้กระจุก การลงทุนภาครัฐเป็น 20% และในงบประมาณเดี๋ยวนี้เป็นงบฯประจำตั้ง 80% พวกเงินเดือนข้าราชการ งบฯลงทุน 16-17% และถ้าติดขัดไม่มีงบประมาณใหม่ กฎหมายเรายังบอกว่าสามารถใช้วงเงินของปีงบประมาณก่อนหน้าได้ คือไม่ได้หายไปทั้งหมด ยังไปได้อีก
นั่นคือเราไม่ถึงกับฟุบไปเลย แต่สิ่งที่ต้องระวังคือผลทางอ้อม ถ้าภาครัฐติดขัดจะมีผลกระทบเพราะบางเรื่องเอกชนจะทำหรือไม่ทำภาครัฐต้องนำไปก่อน เช่น ถ้ารัฐสร้างรถไฟฟ้า เอกชนจะไปซื้อที่ดินสร้างบ้าน-คอนโดฯ คนจะเดินทางจับจ่ายใช้สอย หรือบางเรื่องรัฐต้องนำเรื่องทำไฟฟ้า ประปา เอกชนจึงจะมีผลทางอ้อมในการเข้าไปทำโรงงานนั่นคืออย่าช้าดีกว่า แต่ถ้าช้าก็อย่าสิ้นหวัง
เรามาถึงตรงนี้ เรามีตัวช่วยอื่น ๆ ที่พอประคองไปได้ ไม่น่าจะถึงกับวิกฤตในด้านหนี้ครัวเรือน จะเป็นแรงปะทะเป็นอุปสรรคทำให้มีข้อจำกัดกำลังซื้อภาคครัวเรือน อัตราส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นชัดเจน จากเดิมไม่ถึง 60% ปัจจุบันอยู่ที่ 80% ฝ่ายผู้ให้กู้ตอนหลังระมัดระวังเยอะเพราะสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป จากระดับหนี้สินของลูกค้าเขา, ประกอบกับโครงการกระตุ้นใช้จ่าย เช่น รถคันแรกหมดลง ซึ่งการดำเนินนโยบายการเงินปีนี้มีความท้าทายสำคัญ ได้แก่ ความผันผวนตลาดการเงินโลก กับการปรับตัวของภาคการเงินในประเทศ เช่น การชะลอตัวของสินเชื่อ ซึ่งเราก็ห่วง คนกำลังกู้หนี้ยืมสินแล้วเราไปผ่อนคลายดอกเบี้ยจะทำให้เสียสมดุล
เราสัมภาษณ์บ่อย ๆ ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ (สถาบันการเงิน) ที่ให้เครดิตว่าเข้มขึ้นหรือผ่อนลงในการพิจารณาสินเชื่อก็พบว่า สินเชื่อเคหะซื้อบ้านเข้มงวดขึ้น, สินเชื่อเครดิตการ์ดเข้มงวดขึ้น, สินเชื่ออุปโภคบริโภคเข้มงวดขึ้น แต่ตอนหลังผ่อนนิดหน่อย นี่คือมาตรฐานของการให้เครดิต เท่ากับฝ่ายปล่อยเครดิตตอนนี้ระมัดระวังตัวมากขึ้น
- ปีที่แล้วแบงก์ชาติห่วงฟองสบู่
ปีที่แล้วเราไม่ได้บอกว่าจะออกมาตรการอะไรพิเศษหรอก แต่เราเห็นมีจุดเฉพาะ ๆ ที่สามารถอธิบายได้ (ปัญหาฟองสบู่) ไม่ได้แพร่กระจายทั้งหมด เช่น ขอนแก่น เก็งกำไรเรื่องรถไฟความเร็วสูง ชุมทาง
การเชื่อมโยงอินโดจีน (เสียงสูง) หรือที่ภูเก็ตที่ฮอตตามกลุ่มลูกค้าที่ขายคนต่างชาติ ส่วนที่กรุงเทพฯฮอตตามทำเลแนวรถไฟฟ้า ซึ่งเปลี่ยนไปตามชีวิต ตามไลฟ์สไตล์ที่คนหันมาอยู่คอนโดฯตามแนวรถไฟฟ้า เพราะฉะนั้น มัน (ฟองสบู่) ไม่ได้กระจายตัว เช็กราคาแล้วก็พบว่าไม่ได้สูงมากเกินไป มีแต่เฉพาะจุด จึงได้ออกมาตรการเป็นการทั่วไปพอมาปีนี้ช่วงนี้พอดีเศรษฐกิจแบบนี้ อสังหาฯก็เลยไม่ร้อนแล้ว
- ธปท.ขอความร่วมมือแบงก์ไม่ทำแคมเปญ 0%
อ๋อ...มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราห่วง 1.ห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือน 2.เหมือนกับว่าไปโฆษณาจนบางทีผู้บริโภคเขาไม่ค่อยเข้าใจ โดยเฉพาะดอกเบี้ย 0% โดยเฉพาะโปรโมชั่น 6 เดือน ซึ่งดอกเบี้ย 0% เดิมเป็นเรื่องมาร์เก็ตติ้งของเขา (ธนาคาร) เป็นกิมมิกมาร์เก็ตติ้งของเขา
สิ่งที่เราบอกเขาก็คือว่า 1.ท่านอย่าไปมิสลีด (ทำให้เข้าใจผิด) ผู้คนเขา เวลาเสนอพวกนี้ขอให้คำนวณเอฟเฟ็กทีฟเรต คือ ดอกเบี้ยแท้จริงคิดให้เรียบร้อย บอกให้เขารู้ ไม่เช่นนั้นเขา (ผู้บริโภค) พอเห็น 0% โอ๊ย...ดี เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่ให้ข้อมูลต้องให้ข้อมูล (ดอกเบี้ย) แท้จริง
อีกอันหนึ่งก็คือ ตอนนั้นเพราะเราไม่อยากให้ไปทำเรื่องพวกนี้มาก เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องการขอร้องเขา (ธนาคาร) ก็ไม่ได้ทำ เขาก็เลิก ตอนแรกกรุงไทยก็จะโผล่มา เราก็บอกเขาก็เลิก
- สินเชื่อรถมี 0% 84 เดือน หนี้เสียก็สูงกว่าบ้าน
โดยทั่วไปผู้บริโภคจะซื้อบ้านหลังสุด เวลาเกิดอะไรเขาจะไม่ทิ้งบ้าน เป็นตัวสุดท้ายที่เขาจะเก็บไว้ เขามีความกังวลว่าสินเชื่อบ้านเกิดการเบี้ยวน้อยกว่าทรัพย์สินตัวอื่น รถเบี้ยวง่ายเพราะเคลื่อนที่ได้ จึงมีการนำความเสี่ยงใส่เข้าไปสินเชื่อบ้านเวลาขายเขา (ธนาคาร) ได้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ทำรายได้พ่วงมาเยอะ เช่น ขายประกันไฟบ้าน ประกันอัคคีภัย ขายประกันชีวิต แล้วเขาผ่อนส่งเขาต้องเปิดบัญชี
- ดอกเบี้ยบ้านปีนี้ คนควรจะซื้อไหม
อืมม์...ในยามนี้มันควรจะซื้ออยู่แล้ว ดอกเบี้ยระยะยาวมันก็ต่ำ เหมาะสำหรับการซื้อทรัพย์สิน
- ยาวกี่ปีหน้า
เกิน 5 ปีครับ |
ที่มา [ ประชาชาติธุรกิจ ] วันที่ 29-04-2557
|
|
|
|
|